แบงก์กลางเอเชียดิ้นแทรกแซงค่าเงินหลังดอลลาร์อ่อนค่า

นักวิเคราะห์ ระบุ ธนาคารกลางเอเชียเร่งเข้าแทรกแซงการเงินคุมการแข็งค่าเงินในประเทศ หลังดอลลาร์อ่อนตัวอย่างรวดเร็ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักวิเคราะห์หลายรายมีความเห็นตรงกันว่า การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงนี้ กระตุ้นให้ธนาคารกลางของเอเชียเข้าแทรกแซงตลาดการเงิน เพื่อควบคุมการแข็งค่าของสกุลเงินในประเทศ และสนับสนุนผู้ส่งออกเช่นที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมายอมรับว่า ได้แทรกแซงค่าเงินบาทไม่ให้แข็งตัวเร็วเกินไทยโดยใช้เงินกว่า 5 แสนล้านบาทแล้ว

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มีความเห็นว่าธนาคารกลางเหล่านี้อาจเปลี่ยนท่าทีในปีหน้า ด้วยการปล่อยให้สกุลเงินของตนแข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนพากันหลั่งไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ด้วยความเชื่อมั่นว่าประเทศเหล่านี้จะฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยก่อนประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว และจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นกลุ่มแรก โดยการขึ้นดอกเบี้ยจะกระทำเมื่อเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ซึ่งจะยิ่งกระตุ้นให้เงินทุนไหลเข้ามากขึ้นโดยเฉพาะหากการเติบโตของจีดีพีเอเชียเหนือกว่าจีดีพีของชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (จี7) ซึ่งก็จะทำให้ธนาคารกลางของเอเชียมีทางเลือกในการปรับลดระดับการแทรกแซง และปล่อยให้ค่าเงินปรับตัวสูงขึ้นโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนนโยบาย

นายพอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี 2551 แห่งมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ระบุในรายงานที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส ว่า จีนกำลังเคลื่อนไหวให้เงินหยวนลดค่าลงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เพราะเงินหยวนที่อ่อนค่า ทำให้ค่าแรงงานในจีนต่ำลง และทำให้บริษัทต่างชาติแห่เข้าไปตั้งฐานการผลิตและธุรกิจในจีนกันมากขึ้น

นายพอล กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ จีนเคยปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาที่ว่าเงินหยวนของจีนอ่อนค่าลงเกินกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งทำให้จีนมีข้อได้เปรียบด้านการค้าและค่าแรงอยู่ตลอดเวลา แต่ขณะนี้คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า ข้อกล่วหานี้มีเค้าลางเป็นตริงมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อช่วงเวลาที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้ร่วงลงถึง 14% เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร และดิ่งลง 7% เมื่อเทียบกับเงินเยน แต่สำหรับค่าเงินหยวน จีนกลับปล่อยให้ทรงตัวที่ระดับประมาณ 6.82 หยวนต่อดอลลาร์ ในขณะที่เงินวอนของเกาหลีใต้ และเงินรูปีของอินเดย แข็งค่าขึ้น 6% เงินเปโซฟิลิปปินส์แข็งค่าขึ้น 5% เงินรูเปียะห์ของอินโดนนีเซียแข็งค่าขึ้น 16% และเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นราว 5%

นายเบน ซิมป์เฟนอาร์ฟอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากรอยัลแบงก์ออฟสกอตแลนด์ ในฮ่องกง ยืนยันเรื่องนี้ว่า จีนจะยังคงเดินหน้าปล่อยเงินหยวนอ่อนค่าต่อไปเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆในตะกร้าเงิน จนกว่าภาคการส่งออกในประเทศจะฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก สะท้อนให้เห็นถึงการมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาในประเทศของรัฐบาลปักกิ่งเป็นหลัก ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ก.ค.ปีที่แล้ว จีนได้กลับมาตรึงค่าเงินหยวนไว้ที่ระดับ 6.82 หยวนต่อดอลลาร์ หลังจากที่ภาคการส่งออกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และทำให้ปัญหาแรงงานในจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักกว่า 20 ล้านตำแหน่ง ในขณะที่เศรษฐกิจหยุดการเติบโต โดยก่อนหน้านี้ จีนได้ทำให้ค่าเงินของตนแข็งค่าขึ้นมาแล้ว 26% หลังจากที่ถูกโจมตีอย่างหนัก


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์