ปุระชัยจวก ระบบราชการทำลายนักวิจัยไทย

ศ.ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ปาฐกถาพิเศษ จัดโดยสถาบัน วิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ


ศ.ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ศ.เกียรติคุณ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวในการปาฐกถาพิเศษเรื่อง ประสบการณ์ในการทำวิจัย จัดโดยสถาบัน วิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ว่า การทำวิจัยคือการค้นหาความจริงหรือความน่าจะเป็น ตลอดจนองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์มาเผยแพร่ ต่อสังคม และจากที่ตนได้ทำวิจัยมายาวนาน ทำให้รู้ว่า ความเป็นอัจฉริยะของนักวิจัยนั้นไม่มีจริง แต่งานวิจัยต้องมาจากหยาดเหงื่อ แรงงาน ความทุ่มเทถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ส่วนความเก่งหรือเป็นอัจฉริยะมีแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่นักวิจัยไทยรุ่นใหม่ๆ ยังขาด ความทุ่มเท และมักยึดติดอยู่กับความสำเร็จที่ได้มาอย่างง่ายๆ

ศ.ดร.ปุระชัยกล่าวต่อว่า นักวิจัยที่ดีจะต้องมีไฟ มีความใฝ่รู้ ที่สำคัญต้องไม่คิดว่าตนเองคือคนที่วิเศษกว่าคนอื่น ขณะเดียวกันผลงานวิจัย จะต้องจับต้องได้ และนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ที่ผ่านมาประเทศไทยลงทุนด้วยการส่งนักวิจัยไปเรียนต่างประเทศจำนวนมาก แต่น่าเสียดายที่เมื่อจบการศึกษาแล้วส่วนใหญ่ มักจะไม่ได้กลับมาทำงานวิจัยตอบแทนรัฐ ซึ่งส่วนหนึ่งต้องโทษระบบราชการด้วย อย่างกรณีของตนจบปริญญาเอกด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 แต่กลับไม่มีตำแหน่งวิชาการให้ ต้องไปทำงานในหน้าที่ธุรการแทน เป็นต้น ระบบราชการไทยทำลายคนที่ตั้งใจทำงาน แต่จะดีสำหรับคนที่มีเส้นสาย เพราะเป็นระบบอุปถัมภ์


ต้องมีการแก้ไขเพื่อไม่ให้นักวิจัยไทยถูกเอาเปรียบ


ศ.ดร.ปุระชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนั้นค่าตอบแทนของนักวิจัยไทยน้อยมาก เมื่อเทียบกับนักวิจัยต่างประเทศ เวลาที่หน่วยงานราชการจ้างนักวิจัยไทยทำงาน ก็จะจ่ายค่าตอบแทนตามระบบราชการ แต่ถ้าจ้างนักวิจัยจากต่างประเทศ จะจ่ายค่าตอบแทนสูงมากทั้งที่เป็นงานเดียวกัน ดังนั้น จะต้องมีการแก้ไขเพื่อไม่ให้นักวิจัยไทยถูกเอาเปรียบ



รัฐบาลให้ค่าตอบแทนนักวิจัยน้อยมาก แต่กลับไปใช้จ่ายในเรื่องไร้สาระมาก


ที่ผ่านมารัฐบาลให้ค่าตอบแทนนักวิจัยน้อยมาก แต่กลับไปใช้จ่ายในเรื่องไร้สาระมาก มีอยู่ปีหนึ่ง รัฐบาลจัดงานวันสงกรานต์ที่ถนนราชดำเนิน เชื่อหรือไม่ว่างานที่จัดระหว่างเวลา 14.00-16.00 น. แค่ 2 ชั่วโมง แต่ใช้เงินไปถึง 50 ล้านบาท ศ.ดร.ปุระชัยกล่าวและว่า ตนอยากฝากว่านักวิจัยที่ดี จะต้องปกป้องเด็ก เยาวชน คนด้อยโอกาส ไม่ใช่ปกป้องแต่เรื่องของ ผลประโยชน์ ต้องมีจรรยาบรรณ ไม่รับใช้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ปัจจุบันมีคนแฝงมาในคราบนักวิจัยไม่น้อยเพื่อเข้ามาหาผลประโยชน์จากงานวิจัย ที่มีอยู่ตามกองทุนต่างๆ ดังนั้น ควรให้กองทุนที่เกี่ยวข้องกับการงานวิจัยไปอยู่ในมหาวิทยาลัยดีกว่าที่จะแยกออกมาเป็นหน่วยงานอิสระ.


แหล่งข่าว: ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์