เตรียมส่งฟ้องสำนวนฉ้อโกงเงินออมทรัพย์


เตรียมส่งฟ้องสำนวนฉ้อโกงเงินออมทรัพย์
เตรียมส่งฟ้องสำนวนฉ้อโกงเงินออมทรัพย์



ดีเอสไอส่งสำนวนคดีผู้ใหญ่บ้านเนินมะไฟ จ.ปราจีนบุรี พร้อมพวก ยักยอกฉ้อโกงเงินออมทรัพย์ลูกบ้าน ให้อัยการส่งฟ้อง


เมื่อวันที่ 26 ต.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย พ.ท.กิตติ ภักดีรักษ์พงศ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ นำสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษ กรณี นายบัวเรือน ตงฉิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 บ้านเนินมะไฟ ต.คำโตนด อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี กับคณะกรรมการรวม 11 คน ส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้อง ฐานยักยอกฉ้อโกงเงินออมทรัพย์ประชาชน


คดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก นายบัวเรือน ตงฉิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 บ้านเนินมะไฟ ต.คำโตนด อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี กับคณะกรรมการรวม 11 คน ได้ร่วมกันจัดตั้ง "กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต หมู่ 9 บ้านเนินมะไฟ" มีพฤติการณ์โฆษณา แพร่ข่าวให้ประชาชนมาออมเงินในรูปแบบของออมทรัพย์หมู่บ้าน โดยตกลงในรูปแบบของออมทรัพย์หมู่บ้าน โดยตกลงว่า จะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน โดยมีการฝากเงินสองประเภท คือ แบบแรก เป็นการฝากเงินแบบออมทรัพย์ธรรมดา อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 ต่อเดือน จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน คิดเป็นอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และแบบที่สอง เป็นการฝากเงินแบบสัจจะพิเศษ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน จ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ฝากครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ส่วนการกู้เงินนั้น คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หากกู้เงินเกินกว่า 10,000 บาทขึ้นไป จะต้องนำโฉนดที่ดินค้ำประกันเงินกู้ด้วย โดยคณะกรรมการจะเป็นผู้รับเงิน และดำเนินการเอง และมีการจ่ายเงินปันผล พร้อมกับมีสวัสดิการให้สมาชิก


ทั้งนี้ กลุ่มออมทรัพย์ฯ ดังกล่าว ไม่มีการจดทะเบียน ไม่มีการทำบัญชี งบดุล งบกำไรขาดทุน และไม่ได้นำเงินฝากของประชาชนไปลงทุนดำเนินธุรกิจใด ๆ เป็นการนำเอาเงินฝากของผู้ฝากรายใหม่ไปจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ฝากรายเก่า ต่อมาไม่มีผู้ฝากเงิน ทำให้ผู้ที่ฝากเงินรายเก่าไปถอนเงินไม่ได้ เนื่องจากคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์ฯ อ้างว่า ไม่มีเงิน และมีการนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งสมาชิกของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านเนินมะไฟ มีจำนวน 743 คน ที่ได้รับความเสียหาย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 35,440,418 บาท และกลุ่มป้องปราบการเงินนอกระบบได้วิเคราะห์พฤติการณ์ในเบื้องต้นแล้ว ให้ความเห็นว่า น่าจะเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 4 และมาตรา 5(2)(ก) ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และพบว่า มีการนำเงินไปให้กู้เป็นจำนวน 1,632,740 บาท แต่เมื่อเทียบกับยอดเงินฝากแล้วเห็นว่า ไม่สามารถได้ดอกเบี้ยที่จะนำมาจ่ายเป็นดอกเบี้ยเงินฝากได้ จึงเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 11 คน.


 ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวคุณภาพดี โดย : หนังพิมพ์ เดลินิวส์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์