รัฐเดินหน้ารับจำนำข้าวเปลือก


นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ว่า  ที่ประชุมเห็นชอบให้นำแนวทางการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก 6 แนวทาง เสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณาเพื่อบรรเทาปัญหาราคาข้าวที่กำลังตกต่ำอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะการแทรกแซงราคาข้าวโดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อตก.) เข้าไปรับซื้อข้าวโดยตรงจากเกษตรกร ในราคาอ้างอิงที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศไว้ และส่งมอบโรงสีดำเนินการจัดเก็บในรูปแบบข้าวเปลือกในระยะเวลาสั้นเท่านั้นคือไม่เกิน 1-2 เดือนเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเป็นข้าวใหม่จริงไม่มีการสวมรอยหรือเวียนเทียน ก่อนส่งมอบกรมการค้าต่างประเทศนำไปหาตลาดเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งการรับซื้อข้าวโดยตรงครั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนของ อตก.และอคส. จะมีค่าบริหารจัดการให้ตันละ 45 บาทต่อเดือน รวมวงเงิน 200 ล้านบาท ส่วนโรงสีจะมีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บตันละ 55 บาทต่อเดือน รวมวงเงิน 660 ล้านบาท
   
นอกจากนี้ยังมีมาตรการการเพิ่มสภาพคล่องให้กับโรงสี เพื่อรับซื้อข้าวจากเกษตรกรในราคาที่เหมาะสม โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ประสานงานกับกระทรวงคลัง เป็นเจ้าภาพในการสนับสนุนสินเชื่อให้โรงสีโดยรัฐบาลจะช่วยรับภาระดอกเบี้ยแทน ให้   2% ต่อปี รวมถึงการจัดตลาดนัดพบระหว่าง   โรงสีกับเกษตรกรในพื้นที่ 57 จังหวัด จำนวน 519 ครั้ง วงเงินงบประมาณ 11 ล้านบาท การผลักดันการส่งออกข้าวต้นฤดูปี 2553 โดยมอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้เจรจา  ค้าข้าวกับ 7 ประเทศ ในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี)
   
ส่วนมาตรการต่อไปได้แก่มาตรการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางของเกษตรกรในรูปแบบเดิมที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินการ โดยกำหนด    ระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2552-ก.พ. 53 วงเงินกู้ไว้รายละไม่เกิน 2 แสนบาท และคิดอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนให้ เพื่อไม่ให้เกษตรกรนำเข้าออกมาขายเร็ว เพื่อไม่ให้มีปริมาณสินค้าในตลาดมากเกินไป และใน   ขั้นตอนการเก็บรักษาจะจ่ายค่าดูแลรักษาให้เกษตรกร ตันละ 1,000 บาท ด้วย รวมทั้งต้องเร่งเสริมสร้างความเข้าใจแก่เกษตรกรเกี่ยวกับโครงการประกันรายได้แก่เกษตรกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ฤดูการผลิต 2553
   
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า สำหรับการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวจากเกษตรกร ในมาตรการที่ 2 ได้ตั้งเป้าหมายรับซื้อ 2   ล้านตัน โดยรับซื้อในแต่ละช่วงเวลาเป็น  ระยะ ๆ ในราคาและปริมาณที่เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยจะเข้าไปรับซื้อข้าวในแหล่งผลิตที่มีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากและ มีราคาต่ำ ซึ่งราคาที่รัฐบาลจะรับซื้อในแต่ละช่วงนั้นจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์.
 

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์