ศาลปค.รับคดีเพิกถอนแปรรูปปตท.

"รับฟ้องแล้วต้องงดเว้น"


เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่สำนักงานศาลปกครอง วันนี้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งลงวันที่ 4 ก.ย.49 รับคำฟ้องที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กับพวกรวม 5 คน นำโดยน.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิ และน.ส.รสนา โตสิตระกูล ว่าที่ส.ว.กทม. ยื่นฟ้องครม. นายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เพื่อขอให้เพิกถอนพ.ร.ฏ.กำหนดอำนาจสิทธิประโยชน์ของบริษัท ปตท จำกัด(มหาชน) พ.ศ. 2544 และพ.ร.ฎ.กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมาย ว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2544 โดยกำหนดให้เป็นคดีหมายเลขดำ ที่ ฟ.47/2549 และมีคำสั่งลงวันที่ 6 ก.ย.49 ให้ครม. นายกรัฐมนตรี รมว.พลังงาน จัดทำคำให้การแก้คำฟ้องยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดแล้ว

อย่างไรก็ตามในคำสั่งดังกล่าวระบุว่า เมื่อศาลรับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณาแล้วขอให้ผู้เกี่ยวข้องพึงงดเว้น และระมัดระวัง แสดงความคิดเห็น นำเสนอข่าวหรือกระทำการใดๆ ในลักษณะเป็นการชี้นำ การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอันอาจเป็นการละเมิดอำนาจศาล หรือดูหมิ่นศาลหรือตุลาการ


"ใครผิดต้องรับผิด"


ด้านน.ส.สารี กล่าวขอบคุณที่ศาลรับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณา นอกจากนี้จะได้เตรียมในเรื่องของข้อมูล เพราะคำฟ้องที่ยื่นไปนั้นนำเสนอในประเด็นหลักการเยอะ แต่ยังขาดเรื่องของรายละเอียด รวมทั้งจะขอดูคำให้การของการแก้คำฟ้องของครม. นายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ที่เมื่อส่งให้ศาลปกครองแล้ว ศาลจะส่งมาให้มูลนิธิดูว่าจะมีคำคัดค้าน หรือแย้งประเด็นใดหรือไม่ อย่างไรก็ตามขณะนี้ไม่อยากให้ฝ่ายรัฐออกมาพูดลักษณะว่า หากจะนำปตท.กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจนั้น รัฐจะต้องสูญเงินงบประมาณซื้อคืนจำนวนมาก ควรรอคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดก่อนว่าจะออกมาอย่างไร เพราะถ้าออกมาแล้ว ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตาม ใครที่เป็นคนผิดก็ต้องรับผิดชอบ

ส่วนน.ส.รสนากล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ขั้นตอนยังอยู่ในกระบวนการของศาล ดังนั้นควรรอฟังคำพิจารณาของศาลว่าจะตัดสินอย่างไร โดยหลังจากนี้ตนได้รับประสานจากรายการโทรทัศน์ และสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงถึงข้อมูลการแปรรูปปตท. ซึ่งตนอยากเรียกร้องทุกฝ่ายที่มีข้อมูลนำข้อมูลมายันกันว่าปตท.ควรอยู่ตรงไหน เพราะเมื่อนำเสนอข้อมูลออกมาแล้วผู้ได้รับประโยชน์คือประชาชน ทั้งนี้หากการแปรรูปปตท.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้รัฐบาลต้องใช้เงินกว่า 3 แสนล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นคืน และให้ปตท.กลับมาอยู่ในการครอบครองของรัฐนั้น คิดว่าเรื่องนี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นผู้ผลักดันให้แปรรูป


"รัฐบาลซื้อหุ้นคืนแน่นอน"


"การซื้อหุ้นคืนรัฐบาลต้องซื้อคืนอย่างแน่นอน แต่ต้องซื้อในราคาพาร์ เพราะที่ผ่านมา 4-5 ปีผู้ถือหุ้นได้กำไรไปจำนวนมาก ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายต้องมาตกลงกัน เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ การที่จะให้รัฐบาลควักเงินออกจากกระเป๋า ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน ไปซื้อหุ้นในราคาตลาด ก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นก่อนจะถึงกระบวนการดังกล่าว ดังนั้นเราควรเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนดีกว่า" น.ส.รสนา กล่าว

น.ส.รสนา กล่าวด้วยว่า การแปรรูปรัฐวิสาหกิจในอนาคตน่าจะมีกฎหมายที่ควรเอาผิดกับผู้นำ ผู้ที่ใช้อำนาจทางกฎหมายและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน โดยเฉพาะนักการเมืองที่มักจะรับชอบ แต่ไม่รับผิด โดยเฉพาะเมื่อตนเองดำเนินไปในทางที่ผิด และมักจะออกมารับผิดชอบโดยการลาออก ตรงนี้ถือว่าไม่เป็นธรรม เพราะเมื่อรับผิดแล้ว ต้องรับผิดชอบในส่วนที่เสียหายด้วย ดังนั้นในกรณีของปตท. ผู้ที่ผลักดันให้ปตท.เข้าตลาดหุ้น ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้น


"ศาลรับคำฟ้องแล้ว"


วันเดียวกันนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า เมื่อศาลสั่งรับคำฟ้องคดีแล้ว กระบวนการต่างๆ ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หากศาลจะให้ปตท.นำเสนอข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐานใดๆที่เกี่ยวข้อง ปตท.ยินดีให้ความร่วมมือในการนำเสนออย่างเต็มที่

"ขอยืนยันว่าปตท.ยังคงปฏิบัติหน้าที่และภารกิจในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติต่อไป ตลอดจนยังมีความมุ่งมั่นจัดหาพลังงานอย่างเพียงพอ ในราคาที่เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ ภายใต้การดำเนินงานอย่างโปร่งใสเช่นที่ผ่านมา เพื่อคงไว้ซึ่งประโยชน์ของประเทศและประชาชนชาวไทยต่อไป" นายประเสริฐ กล่าว


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์