มะเร็งตับคร่าชีวิต คนอีสานสูงสุด เหตุกินอาหารดิบ


      ตะลึง! คนอีสานเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ-มะเร็งท่อน้ำดีสูงสุด เฉลี่ยวันละ 76 คน ปีละกว่า 28,000 คน  รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้สาเหตุการรับประทานอาหารดิบๆ สุกๆ และพฤติกรรมถ่ายอุจจาระนอกส้วม ...  

        นพ.สมชัย นิจพานิช รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดเวทีเสวนาโครงการแก้ไขปัญหาการเสียชีวิตด้วย มะเร็งท่อน้ำดี ของประชาชน 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ปี 2552 ว่า ผลการศึกษาของ นพ.พินิจ ฟ้าอำนวยผล และคณะ ในปี 2551 พบประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน เสียชีวิตด้วยมะเร็งตับและท่อน้ำดีสูงมาก ปีละ 28,000 คน เฉลี่ยวันละ 76 คน 9 ใน 10 จังหวัดที่มีอัตราการเสียชีวิตด้วยมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดีสูงสุด คือ สกลนคร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคามอุดรธานี ยโสธร นครพนม อำนาจเจริญ และ 1 จังหวัดภาคเหนือ คือ แพร่  

        รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า สาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งตับและท่อน้ำดีของประชาชนในภาคอีสาน เกิดจากการป่วยด้วยโรคพยาธิใบไม้ในตับ ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยขอนแก่นชี้ชัดว่า การเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ ทำให้เกิดการอักเสบของท่อน้ำดีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง โดยมีการสร้างสารก่อมะเร็ง ทำลายสารพันธุกรรม กระตุ้นเซลล์ให้แบ่งตัวและเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็ง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นมะเร็งท่อน้ำดีและเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ จากการสำรวจทางระบาดวิทยาของโรคหนอนพยาธิ ของประเทศไทย ในปี 2552 พบว่าคนไทยร้อยละ 18 เป็นโรคหนอนพยาธิ โดยพบมากที่สุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการบริโภคที่นิยมกินอาหารดิบๆสุกๆเป็นประจำและส่วนหนึ่งยังมีพฤติกรรมถ่ายอุจจาระนอกส้วม เช่น ในทุ่งนาเป็นบางครั้ง ซึ่งหากไม่ดำเนินการควบคุมโรคอย่างจริงจังทำให้สถานการณ์โรคพยาธิใบไม้ตับ ของประเทศไทยกลับมาเป็นปัญหารุนแรงขึ้นได้อีก  

          นพ.สมชัย กล่าวด้วยว่า การเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับแม้เพียงครั้งเดียว ตัวพยาธิที่เข้าไปอยู่ในท่อน้ำดีก็สามารถทำให้เยื่อบุทางเดินท่อน้ำดีระคายเคือง และปล่อยสารทำลายเยื่อบุต่างๆ ทำลายสารพันธุกรรม ตัวพยาธิไปอุดตันท่อน้ำดี ทำให้ตัวเหลือง ตาเหลือง ขณะที่มีการอักเสบของท่อน้ำดีทุกครั้งจะมีการสร้างสารก่อมะเร็ง และทำให้เป็นมะเร็งได้ กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าหมายควบคุมโรคพยาธิใบไม้ตับและพยาธิปากขอในทุก พื้นที่ในประเทศไทย ให้เหลือไม่เกินร้อยละ 5 ในปี 2559

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์