ปารถโจอี้ บอย-อยุธยาคืนเดียว2คัน


อยุธยาปาหินอีกแล้ว รถตู้"โจอี้ บอย" โดนก่อน โชคดีก้อนหินโดนที่ปัดน้ำฝนกระจกเลยไม่แตก แจ้งความแล้วรีบไปแข่งร่มบินที่ลำปาง อีกไม่กี่นาทีต่อมารถตู้อีกคันโดนห่างจากจุดแรกไม่ถึงกิโลเมตร กระจกแตกทะลุ โชคดี 7 ชีวิตในรถไม่ได้รับอันตราย ตร.เชื่อเป็นแก๊งเดียวกัน ผู้ว่าฯกรุงเก่ากำชับล่าตัวมาให้ได้ ระบุเสีย ภาพพจน์ของเมืองท่องเที่ยวและเมืองมรดกโลก

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 2 ก.ค. ร.ต.ท.มาโนช เยี่ยมเจริญ พนักงานสอบสวน สภ.พระนคร ศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีรถยนต์ตู้ถูกปาก้อนหินใส่รถได้รับความเสียหาย ที่บริเวณริมถนนสาย 356 ตัดถนนสายปทุมธานี-บางปะหัน ก.ม.7 ม.4 ต.บ้านรุน จึงรายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.กรเอก เพชรไชยเวส รองผบก. พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ ผกก. พ.ต.ท.พิชา รุจินาม รองผกก.สส. พ.ต.ท. สุรพจน์ รอดบำรุง รองผกก.ป. รุดไปที่เกิดเหตุ พบนายอาคม เปรมสกุล อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 ม.3 ต.วังพัฒนา อ.บางไทร จ.พระนคร ศรีอยุธยา ยืนตัวสั่นอยู่ข้างรถตู้โตโยต้า สีขาว ทะเบียน นค 2329 พระนครศรีอยุธยา ที่บริเวณกระจกหน้ารถด้านขวาตรงคนขับมีรอยแตกร้าวทะลุขนาดประมาณ 5 นิ้ว และ พบก้อนหินที่คนร้ายใช้ปามีขนาดยาว 12 ซ.ม. กว้าง 5 ซ.ม. หนา 2.5 ซ.ม. ตกอยู่ในห้องโดยสาร จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวน นายอาคม กล่าวว่า ตนพร้อมครอบครัวรวม 7 คน ไปส่งเพื่อนชาวเยอรมันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขากลับขับรถมาตามถนนสายเอเซียแล้วเลี้ยวเข้าถนนสาย 356 เส้นทางเลี่ยงเมือง เพื่อกลับบ้านพักอ.บางซ้าย เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางเปลี่ยว มีรถจักรยาน ยนต์ 2 คันวิ่งสวนทางมา เห็นรถจักรยานยนต์คันที่ 2 ใช้ก้อนหินปาเข้าใส่หน้ารถตน แรงของก้อนหินทะลุกระจกเฉี่ยวใบหน้าไปตกหลังเบาะคนขับ ตนตกใจจนรถเสียหลักเกือบตกถนน จึงจอดรถแจ้งตำรวจ ภายในรถมีญาตินั่งมารวมกัน 7 คน มีลูกชายอายุ 1 ขวบ ต่างตกใจร้องจ้า แต่ทุกคนปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บ ขณะขับรถเปิดไฟต่ำมาตลอด เชื่อว่าคนร้ายคึกคะนอง หรือประสงค์ต่อทรัพย์สิน

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.สมบัติ สั่งตั้งจุดตรวจตามเส้นทางต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนีพร้อมทั้งวิทยุขอความร่วมมือจากทุกสภ.และจังหวัดใกล้เคียง แต่ยังไม่พบตัวคนร้าย

ทางด้านพ.ต.อ.กรเอก กล่าวว่า เส้นทางที่คนร้ายก่อเหตุเป็นเส้นทางเปลี่ยวไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างก่อนเกิดเหตุประมาณครึ่งชั่วโมง สายตรวจรถยนต์ของสภ.พระนครศรีอยุธยา ได้ขับรถตรวจผ่านไป เชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเกิดจากความคึกคะนองโดยไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์ อาจจะเป็น กลุ่มวัยรุ่นที่มาเที่ยวในย่านตลาดแกรนด์แล้วเดินทางกลับบ้าน ซึ่งขณะนี้ได้ให้ชุดสืบสวนของ ภ.จว. พระนครศรีอยุธยาออกสืบหาข่าวกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งพอจะทราบลักษณะของรถจักรยานยนต์และกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ แต่ขอรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจน ปกติทางตำรวจภูธรจังหวัดได้มีแผนป้องกันเหตุลักษณะนี้ไว้แล้ว โดยให้สำรวจเส้นทางเปลี่ยวที่คนร้ายมักก่อเหตุ จัดสายตรวจวิ่งออกตรวจอยู่เป็น ประจำ

รายงานข่าวแจ้งว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีคดีในลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ลักษณะเป็นต้นแบบของปาหิน โดยเมื่อช่วงต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา มีรถบรรทุกถูกคนร้ายปาหินใส่ในเขต อ.นคร หลวง จนคนขับรถบรรทุกได้รับบาดเจ็บแต่ยังจับกุมคนร้ายไม่ได้

ก่อนหน้านั้นเวลา 23.30 น. วันที่ 1 ก.ค. "โจอี้ บอย" หรือนายอภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/47 หมู่บ้านบางทอง แขวงและเขตบางนา กทม. ดารานักร้องเพลงแร็พชื่อดัง ขณะนั่งรถตู้ของคณะ ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลข ธง 8485 กทม. วิ่งมาตามถนนหลวงสาย 347 ปทุมธานี-บางปะหัน หลักก.ม.31-32 เขต ม.5 ต.ปากกราน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ใกล้โรงงานยาคูลท์ที่สร้างใหม่ ปรากฏว่ามีกลุ่มคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์สวนทางแล้วขว้างก้อนหินใส่รถของโจอี้ บอย จนกระจกแตกเป็นรู แต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุโจอี้ บอย แจ้งความไว้กับ ร.ต.ท. มาโนช เยี่ยมเจริญ พนักงานสอบสวน สภ.พระนคร ศรีอยุธยา ก่อนรีบเดินทางต่อทันที เพราะมีธุระด่วนที่ จ.ลำปาง โดยจะให้ปากคำอย่างละเอียดภายหลัง

พ.ต.อ.กรเอก เปิดเผยอีกว่า ช่วงบ่ายวันเดียว กันนี้ ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสภ.ระดับรองผกก.ปป.สวป. สว.สส. จำนวน 40 นาย มาประ ชุมเพื่อคลี่คลายคดีปาหินทั้งสองรายหลังเกิเหตุเมื่อกลางดึกวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำให้ช่วยกันหาข่าวโดยมุ่งไปที่พื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุใน ต.ปากกราน ต.คลองตะเคียน ต.บ้านรุน ต.เกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา และรอยต่อ ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน โดยมุ่งไปที่กลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่รถจยย.ยามาฮ่าฟีโน สีดำแดง ซึ่งจะต้องนำข้อมูลมาประชุมสรุปในวันรุ่งขึ้น เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายก่อเหตุปาหินใส่รถของ "โจอี้ บอย" จากนั้นได้เลี้ยวเข้าถนนสาย 356 ไปปาหินใส่รถของนายอาคม จากการสอบพยานและโจอี้ บอย พบว่าคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ 2 คัน 1 คันมาคนเดียว อีก 1 คันซ้อนท้ายกันมา รวมคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุ 3 คน ขอฝากประชาชนที่เห็นเหตุการณ์หรือมีข้อมูลคนร้าย ให้แจ้งมาได้ที่หมายเลข 08-7513-8181 เป็นเบอร์ตรงของตน โดยจะปิดเป็นความลับ เชื่อมั่นว่าคดีนี้จะติดตามตัวคนร้ายได้ นอกจากนี้ตามเส้นทางสายต่างๆ ที่รถวิ่งด้วยความเร็ว จะตั้งจุดสกัดจุดตรวจและเพิ่มความถี่ในการตรวจให้มากยิ่งขึ้น

ด้าน "โจอี้ บอย" เปิดเผยว่า ขณะเดินทางมาพร้อมกับเพื่อน 4 คน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ เห็นรถจักรยาน ยนต์วิ่งสวนทางแล้วขว้างก่อนหินใส่รถของตนเสียงดังโพละ แต่โชคดีก้อนหินโดนที่ปัดน้ำฝนทำให้กระจกไม่แตก จากนั้นคนร้ายขับขี่หลบหนีไปจอดอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร คนขับรถของตนจึงกลับรถเพื่อติดตามคน ร้าย แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้เพราะเกรงได้รับอันตราย โดยเห็นคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นไม่สวมหมวกกัน น็อก ที่เห็นชัดเจนมี 2 คน จึงแจ้งตำรวจไว้ก่อน แล้วรีบเดินทางต่อเพราะต้องไปให้ทันแข่งขันกีฬาร่มบิน ที่จ.ลำปาง

"ผมไม่ติดใจเอาความอะไร แต่อยากขอฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายมาให้ได้ เพราะเกรงว่าคนร้ายจะไปก่อเหตุกับผู้อื่นอีก สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงแรกรู้สึกตกใจกันหมดทั้งคัน แต่เมื่อตั้งสติได้ก็สบายใจขึ้น" โจอี้ บอยกล่าว

"โจอี้ บอย" กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ในลักษณะ นี้ได้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ถึงขนาดทำให้มีผู้เสียชีวิต จึงอยากฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ช่วยสอดส่องดูแลในพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ซึ่งครั้งนี้โชคดีมากที่ตนและเพื่อนๆ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือต้องเสียชีวิตลง เพราะการกระทำดังกล่าว

วันเดียวกัน นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าฯพระนคร ศรีอยุธยา กล่าวถึงคนร้ายก่อเหตุปาหินใส่รถตู้ว่า ตนเองและประชาชนชาวจ.พระนครศรีอยุธยา และคนทั่วประเทศ ให้ความสนใจคดีคนร้ายก่อเหตุปาหินเป็นอย่างมาก เพราะจ.พระนครศรี อยุธยา เกิดเหตุแบบนี้บ่อยครั้ง ถึงแม้จะมีการจับกุมผู้ก่อเหตุได้ก็ตาม แต่ก็มีเหตุแบบนี้เกิดขึ้นอีก ทั้งๆ ที่ตำรวจและฝ่ายปกครองก็ทำงานเต็มที่ในการป้องกันเหตุอยู่แล้ว โดยกำชับให้ตำรวจจับกุมคนร้ายโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นคดีที่สำคัญ ประชาชนให้ความสนใจ เป็นเหตุให้คนทั่วไปหวั่นกลัวเวลาใช้รถใช้ถนน เพราะจ.พระนครศรี อยุธยา ถือเป็นจังหวัดรวมเส้นทางสายหลักของประเทศ เป็นชุมทางผ่านของเส้นทางที่จะเดินทางไปทั่วประเทศ มีประชาชนทั่วไปเดินทางผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา กันตลอด 24 ชั่วโมง นอก จากนี้ จ.พระนครศรีอยุธยา ยังเป็นเมืองอุตสาห กรรมท่องเที่ยว คดีปาหินที่เกิดขึ้นถึง 2 รายซ้อน ยอมรับว่าได้รับผลกระทบด้านการท่องเที่ยว และเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของ จ.พระนครศรี อยุธยา โดยเฉพาะทำลายบรรยากาศท่องเที่ยวอย่างรุนแรง และทำลายความเป็นเมืองมรดกโลกรวยวัฒนธรรม ยิ่งช่วงนี้จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลท่องเที่ยวของจังหวัด คือช่วงเข้าพรรษานี้ ทางจังหวัดจัดกิจกรรมอยุธยามหามงคลไหว้พระ 99 วัด

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์