ชี้ราคาน้ำมันพุ่ง เก็งกำไร บวกภาษีอีกเพียบ

นายมนูญ  ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน และ อดีตรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

ให้สัมภาษณ์ไทยรัฐออนไลน์ ถึงราคาน้ำมันในปัจจุบันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ว่า เกิดจากการเก็งกำไรบางส่วน เพราะกองทุนต่างๆ เริ่มโยกย้ายเงินเข้ามาสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ กับตลาดการเงินน้อยลง และมองไปข้างหน้าว่า ในอีก 6 เ ดือน สถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว มีความเสี่ยงน้อยลง  จึงโยกย้ายเงินมาลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดโภคภัณฑ์    สำหรับการตั้งราคาขายในประเทศนั้น นายมนูญ กล่าวว่า การตั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ มีการตั้งราคาสินค้าอยู่ 2 แบบ คือ คอร์ส พลัส คือราคาน้ำมันดิบบวกกำไร 

และอีกวิธีที่ใช้กันทั่วโลก คือ เรฟเฟอเรนซ์  ไพรซ์ หรือราคาอ้างอิง คือ ดูราคาในตลาดแล้วตั้งราคา โดยเทียบเคียงกับตลาดที่อยู่ใกล้มากที่สุด

และเป็นตลาดซื้อขายที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งในกรณีของประเทศไทย คือ สิงคโปร์ แม้จะไม่ได้ซื้อน้ำมันจากสิงคโปร์ เพราะไทยซื้อจากตะวันออกกลางแล้วนำมากลั่น และการตั้งราคาจะต้องสะท้อนการค้าขายในตลาดโลก  ทั้งนี้ราคาที่สิงคโปร์กับตะวันออกกลาง จะต่างกันไม่มาก  ถ้าเป็นน้ำมันดิบชนิดเดียวกัน โรงกลั่นมีขนาดเท่ากัน เป็นโรงกลั่นประเภทเดียวกัน ต้นทุนจะพอๆ กัน ดังนั้นในแง่นี้ไม่มีความแตกต่าง

ส่วนที่ว่า ราคาน้ำมันที่ส่งออกขายสิงคโปร์ ถูกกว่าในประเทศนั้น นายมนูญ กล่าวว่า ไทยส่งออกน้ำมันไปยังสิงคโปร์ เพราะมีกำลังการกลั่นส่วนเกินอยู่ 200,000 บาร์เรล 

ซึ่งสิงคโปร์จะซื้อน้ำมันจากไทยไปส่งออกในราคาที่ถูก  ทั้งนี้สิงคโปร์ใช้น้ำมันในประเทศน้อยมาก  เพราะโรงกลั่นของสิงคโปร์ เป็นการกลั่นเพื่อส่งออก และเป็นจุดศูนย์รวมของเทรดเดอร์ทั่วโลก  ต่อข้อถามว่าราคาน้ำมันที่สิงคโปร์ ได้รับผลกระทบจากตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก หรือไนเม็กซ์ เร็ว เพราะเหตุใด นายมนูญ กล่าวว่า ราคาน้ำมันทั่วโลกมีความสัมพันธ์กัน ยกตัวอย่าง ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ก คือ ราคามาตรฐานสำหรับทวีปอเมริกา ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน เป็นน้ำมันดิบ มาตรฐานสำหรับยุโรป ราคาน้ำมันดิบดูไบ หรือ โอมาน เป็นราคาน้ำมันดิบมาตรฐานสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และตะวันออกกลาง เพราะฉะนั้น แต่ละตลาดแม้จะซื้อขายโดยเฉพาะ แต่ราคาเชืื่อมโยงกัน ทำให้ราคาส่งผลมายังตลาดในตะวันออกกลาง คือ โอมานกับดูไบ  ดังนั้น ถ้าติดตามราคาน้ำมันดิบทุกวันจะพบว่า ไม่ว่าตลาดไหนราคาเปลี่ยนแปลงไป จะกระทบกับทุกตลาดในชั่วข้ามคืน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ราคาน้ำมันไนเม็กซ์เหมือนหุ้น เป็นการปั่นราคาขึ้นไป ไม่ใช่ราคาน้ำมันดิบที่แท้จริง

นายมนูญ ตอบว่า ราคาน้ำมันที่ไนเม็กซ์เป็นราคาตลาดล่วงหน้า 1 เดือน ซึ่งจะเป็นราคาที่อ้างอิงให้ตลาดสป็อต  (ราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายกันทันทีในวันนั้น มีการส่งมอบกันจริง) ตลาดสป็อต จะดูด้วย ว่าเดือนต่อไปจะขึ้นยังไงและอ้างอิงราคาล่วงหน้า   ส่วนที่มีการบอกว่าราคาน้ำมัน 100 เหรียญสหรัฐฯ เท่ากับ 22 บาท นายมนูญ กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบ 22 บาทยังไม่รวมภาษี  อย่างเช่น ขายน้ำมันเบนซิน ที่ 29 บาทต่อลิตร เป็นราคาโรงกลั่น 15 บาท เป็นภาษี 14บาท  คือ ภาษีสรรพสามิต  7 บาท ภาษีเทศบาล 70 สตางค์ เงินเข้ากองทุนน้ำมัน 3.90 บาท เข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงาน 75 สตางค์ ภาษีมูลค่าเพิ่ม 2 บาท  จึงกลายเป็น 29 บาท และบวกกำไรของโรงกลั่น กำไรของบริษัทน้ำมัน อีกประมาณ 2 บาท จึงกลายเป็น 31 บาท

นายมนูญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ราคาน้ำมัน 100 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล คือ น้ำมันดิบ  ถ้าแปลงเป็นน้ำมันสำเร็จ รูป จะเท่ากับประมาณ 120 เหรียญ

เช่น ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กเท่ากับ 60 เหรียญ ราคาน้ำมันเบนซินที่สิงคโปร์วันนี้ อยู่ที่ 70 เหรียญ ดังนั้นถ้าอยากรู้ว่าเป็นราคาน้ำมันต่อลิตรเท่าใด ก็ต้องเอา 70 เหรียญ หารด้วย 159 ลิตร (1 บาร์เรล เท่ากับ 159 ลิตร ) ก็เท่ากับ 44 เซ็นต์ นำมาคำนวณอัตราแลกเปลี่ยน 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก็ออกมาเท่ากับ 15 บาท   ขณะที่การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันนั้น นายมนูญกล่าวว่า การขึ้นภาษีครั้งนี้  ต่างจากเดิมคือ ขึ้นภาษี 2 บาทแล้วลดเงินเก็บเข้ากองทุน 2 บาท ดังนั้น จึงหักกลบลบหนี้ไม่มีกำไร ทำให้ราคาขายปลีกไม่เปลี่ยนแปลง  ไม่จำเป็นต้องวัดสต็อกน้ำมัน เพราะก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่กระทรวงพลังงานจะขึ้นภาษี จะวัดสต็อกในคลังน้ำมันเพื่อที่จะเก็บภาษี เพื่อไม่ให้บริษัทน้ำมันมีกำไร


'ธุรกิจน้ำมัน อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงานทุกขั้นตอน เพราะฉะนั้นกระทรวงพลังงานจะมีตัวเลข กำไรขาดทุน ค่าการกลั่นของทุกโรงกลั่น ไม่มีใครหลอกกระทรวงพลังงานได้ ซึ่งความรู้เรื่องน้ำมันทันกันหมดแล้วและไม่เป็นความลับ  หากบริษัทน้ำมันให้ข้อมูลเป็นเท็จ จะติดคุก จึงไม่ต้องกลัวเรื่องลับลมคมใน ตอนนี้ธุรกิจน้ำมันถือเป็นธุรกิจที่โปร่งใส  แต่มีความซับซ้อนในเรื่องตัวเลข การดำเนินการ และคนที่จะเข้าใจธุรกิจน้ำมันจริงๆ จะต้องเป็นคนที่คลุกคลีอยู่กับน้ำมัน  และเข้าใจเรื่องกลไกการค้าน้ำมันจริงๆ'นายมนูญกล่าว


นายมนูญ กล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันสูงสุดของปีนี้ จะเป็นช่วงปลายปีซึ่งเป็นช่วงหน้าหนาวและราคาน้ำมันจะขึ้นไปประมาณ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ดังนั้นน้ำมันเบนซินน่าจะอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตร ในขณะที่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อาจจะอยู่ประมาณ 30 บาท ดีเซล อยู่ที่ประมาณเกือบ 30 บาท การหลีกเลี่ยงราคาน้ำมันจากการเก็งกำไรคงลำบาก เพราะต้องอ้างอิงราคาตลาดโลก แต่การเก็งกำไรก็ลดลงจากแต่ก่อน เพราะสหรัฐฯ เริ่มมีมาตรการในการสกัดการเก็งกำไร จากเดิมมีสัดส่วนการเก็งกำไรถึงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้ลดเหลือแค่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเศรษฐกิจฟื้นการเก็งกำไรก็ต้องกลับคืนมา เพราะการเก็งกำไรคือธรรมชาติของระบบทุนนิยม ไทยเป็นประเทศผู้นำเข้าต้องประหยัดพลังงานจะเรียกร้องให้พลังงานราคาถูกไม่ถูกต้อง เพราะยิ่งราคาถูกคนยิ่งใช้กันมากขึ้น


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์