ดำน้ำสำรวจตู้แรก ถอยกรูด ใหญ่เกิน-งบบาน


ทีมประดาน้ำ พร้อมคณะสำรวจใหญ่ ลงดำพิสูจน์ตู้คอนเทน เนอร์ใต้ท้องทะเลแสมสารแล้ว ท่ามกลางอากาศรุนแรงคลื่นลมจัด พบมีแค่ตู้เดียว โดนเพรียง-ปะการังหุ้มเต็มไปหมด ภายหลังสำรวจ ทีมงานประกาศยุติไว้แค่นี้ก่อน ยังไม่มีการกู้ตู้ขึ้นมาจากก้นทะเล เพื่อรอการตัดสินใจจากรัฐบาลต่อไป แต่มีการเก็บตัวอย่างปะการังที่หุ้มตู้ไปตรวจหาอายุก่อน "บิ๊กป๊อก" ยินดีให้พิสูจน์ตู้ให้รู้ชัด ชี้ต้องกู้ขึ้นมาเปิดดูให้รู้แน่ว่าเป็นอะไร เป็นสารพิษหรือศพวีรชน ทางด้านเจ้าอาวาสวัดแสมสารเผยการพบกะโหลกคนในทะเลแสมสาร ถือเป็นเรื่องปกติ ชาวประมงจะดีใจเรียกว่าลากติดทอง ช่วยกันนำกะโหลกมาส่งวัดเพื่อทำพิธีส่งวิญญาณ

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 15 พ.ค. ที่ท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ทีมนักประดาน้ำ กองทดสอบสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารเรือ นำโดย น.ต.สุรชัย บุตร เสถียร หัวหน้าชุดปฏิบัติงาน นำเรือยางพร้อมด้วยอุปกรณ์การดำน้ำครบชุด มาลงเรือหลวงวังนอก ซึ่งจอดเทียบอยู่ท่าเรือแหลมเทียน ทั้งนี้ เรือหลวงวังนอก จะออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อนทีมเรือตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ใต้ทะเลแสมสาร ประกอบด้วย เรือหลวงภูเก็ต เรือ ต.224 และเรือตำรวจน้ำสัตหีบ โดยมีกำหนดไปรวมกันปฏิบัติภารกิจ ณ จุดแรกของการตรวจสอบคือ พิกัดตู้ที่ 2 ละติจูด 12 องศา 2935 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 101 องศา 04.5 องศาตะวันออก ระดับน้ำลึกประมาณ 20 เมตร เนื่องจากจุดนี้เคยมีนักดำน้ำลงดำสำรวจตรวจสอบมาแล้ว

ต่อมา เวลา 09.30 น. พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หัวหน้าคณะทำงาน พร้อม ด้วยทีมงาน และพล.ร.ท.ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ ผบ.กองเรือภาคที่ 1 มอบหมายพล.ร.ต.ทวีป สุขพินิจ เสธ.กองเรือภาคที่ 1 น.อ.พนม ควรประดิษฐ์ รองผอ.กองยุทธการ กองเรือภาคที่ 1 น.อ.ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ รองผอ.กองกิจการพลเรือน กองเรือภาคที่ 1 พ.ต.ท.สยามรัฐ รุ่งเรือง รองผกก.สภ.สัตหีบ พ.ต.ท.ธนวัตถ์ พุ่มอยู่ สว.ตำรวจน้ำ นำเรือตำรวจน้ำติดตามไปอำนวยการสำรวจตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ ขณะที่ผู้สื่อข่าวจำนวนมากร่วมเดินทางไปกับเรือหลวงภูเก็ต โดยมีน.ต.วีระ สกุลเต็ม ผบ.เรือหลวงภูเก็ต นำลงเรือที่ท่าเรือรูปตัวแอล ท่าเทียบเรือแหลมเทียน

หัวหน้าคณะทำงานเปิดเผยว่า แผนการดำน้ำวันนี้คงกระทำได้เพียงลงไปดำหาตู้คอนเทนเนอร์ในพิกัดแรกเท่านั้น เพื่อหาแนวทางการกู้ขึ้นมาพิสูจน์ทราบบนบก เพื่อความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน จะไม่มีการเปิดตู้ในทะเลอย่างเด็ดขาด ถึงอย่างไรก็ต้องมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตู้แน่นอน เพราะมีการล็อกและปิดอย่างมิดชิด ล่าสุดสอบถามพยานบุคคลในท้องถิ่น อาทิ นายปราโมทย์ โถวสกุล กำนันตำบลแสมสาร และพระสมุห์วิชัย อิสสรธัมโม พระลูกวัดวัดช่องแสมสาร ก่อนอุปสมบทเคยเป็นอาสาสมัครหน่วยกู้ภัย ทราบว่าหัวกะโหลกพบบ่อยครั้งรวมกันหลายปี จำนวนก็มากขึ้นเรื่อยๆ บางส่วนได้ทำการเผาไปแล้ว

หัวหน้าคณะทำงานเปิดเผยอีกว่า มีพยานบุคคลยืนยันว่าเคยรับฟังจากกลุ่มนักล่าวัตถุโบราณใต้ทะเล ดำน้ำไปค้นหาในซากเรือสินค้า เรือเดินทะเล และซากเรือจมสมัยเก่า ว่าข่าวลือที่ว่ามีคนดำน้ำลงไปสำรวจและเปิดตู้ดูนั้นเป็นเรื่องจริง เมื่อเปิดพบว่าข้างในเป็นซากศพจึงได้รีบหนีขึ้นมา จึงไม่กล้าไปเปิดตู้อื่นๆ อีก แต่ไม่กล้านำเรื่องนี้ไปแจ้งกับใคร เพราะลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา อีกทั้งไม่มีใครต้องการนำตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องเหล่านี้ หรือต้องเป็นพยานบุคคล

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสำรวจจุดที่ตู้คอนเทนเนอร์จมของชุดสำรวจว่า เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีฝนตกหนักและคลื่นลมแรงตลอดเวลา เมื่อถึงจุดที่ชาวบ้านชี้ว่าเป็นจุดที่ตู้คอนเทนเนอร์จมอยู่ เบื้องต้นตำรวจน้ำจะนำเรือตรวจการณ์รับผู้สื่อข่าวจากร.ล.ภูเก็ต เข้าไปบริเวณเหนือจุดสำรวจ แต่เรือตรวจการณ์ไม่สามารถเข้าเทียบได้ ผู้สื่อข่าวทั้งหมดจึงต้องรอฟังข่าวการสำรวจอยู่บนร.ล.ภูเก็ต จากนั้นชุดประดาน้ำกองทัพเรือ จำนวน 10 นาย นั่งเรือยางลงไปสำรวจท่ามกลางคลื่นลมแรงเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง การสำรวจจึงเสร็จสิ้น

ชุดสำรวจเปิดเผยว่า เมื่อลงไปใต้น้ำมีกระแสน้ำแรงมาก แต่เมื่อไต่ลงไปตามเชือกในความลึกประมาณ 6 เมตร กระแสน้ำจึงเริ่มนิ่ง โดยตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวจมอยู่ในระดับความลึกประมาณ 20 เมตร ตะแคงด้านที่เป็นประตูจมลงใต้ผืนทรายประมาณครึ่งตู้ มีเพรียง ตะไคร่ และปะการังเกาะอยู่แน่นหนา ไม่สามารถเห็นสัญลักษณ์หรือชื่อบริษัทเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ได้ จึงทำได้เพียงสกัดเพรียง หอย และเศษปะการังขึ้นมาเพื่อคำนวณหาอายุ จากนั้นทั้งหมดเดินทางกลับเข้าฝั่งที่ท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ

ต่อมา เวลา 17.30 น. ทีมสำรวจแถลงข่าวที่บริเวณท่าเทียบเรือแหลมเทียน หัวหน้าคณะทำงาน กล่าวว่า ขอขอบคุณกองทัพเรือที่จัดเรือและบุคลากรในการสำรวจครั้งนี้ รวมถึงรายการข่าว 3 มิติ ที่นำชาวบ้านไปชี้จุดที่ตู้คอนเทนเนอร์จมอยู่ แต่ลักษณะการจมของตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว อยู่ในลักษณะที่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ จึงทำได้เพียงนำเพรียงและปะการังที่เกาะอยู่ขึ้นมาสำรวจหาอายุ แต่เท่าที่สังเกตคาดว่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี โดยกองทัพเรือจะประสานผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำนวณอายุที่แท้จริงต่อไป

หัวหน้าคณะทำงานกล่าวว่า เบื้องต้นจะยุติการสำรวจและกู้ซากตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นมา โดยจะสรุปเรื่องทั้งหมดส่งรมว.ยุติธรรม และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เนื่องจากหากต้องการกู้ซากตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวจะต้องใช้เงินจำนวนมาก ในส่วนตู้คอนเทนเนอร์อื่นที่เป็นข่าว คงต้องประสานเรือกวาดทุ่นระเบิด ใช้โซนาร์ควานหาใต้ท้องทะเล เนื่องจากการสำรวจครั้งนี้พบเพียงตู้เดียวเท่านั้น ไม่ใช่ 8 ตู้ และไม่พบซากกะโหลกศีรษะอย่างที่เป็นข่าว เบื้องต้นบริเวณรอบตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวไม่มีสารพิษละลายออกมา สังเกตจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบบริเวณ แต่ภายในตู้ไม่อาจบอกได้ว่ามีหรือไม่

พล.ร.ต.ทวีป สุขพินิจ เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า การสำรวจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ โดยพบตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 3 คูณ 6 เมตร เป็นตู้ขนาดเล็ก สำรวจโดยรอบแล้วไม่สามารถเห็นสัญลักษณ์อะไรที่บ่งบอกที่มาของตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว เนื่องจากมีหอยและปะการังเกาะเป็นจำนวนมาก จึงทำได้เพียงแต่สกัดหอยและปะการังออกมาพิสูจน์หาอายุว่า ตู้ดังกล่าวจมตั้งแต่ปีไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเข้าสอบถามชาวบ้านบริเวณช่องแสมสาร ทราบว่า มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องการเตรียมกู้ซากตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว นายชนะสรณ์ คำโสม อายุ 20 ปี อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยสว่างธรรมโรจน์สัตหีบ และเป็นชาวบ้านแสมสาร กล่าวว่า ทำงานที่มูลนิธิมากว่า 4 ปี เท่าที่ทราบมีชาวประมงลากอวนติดซากหัวกะโหลกแล้วนำมาส่งมอบให้มูลนิธิไม่เกิน 3 หัว โดยหัวล่าสุดที่ดีเอสไอนำไปพิสูจน์นั้น ได้รับมานานกว่า 1 ปีแล้ว และชาวบ้านไม่เห็นว่าการพบกะโหลกศีรษะดังกล่าวเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะบริเวณช่องแสมสารเป็นร่องน้ำที่กระแสน้ำจะพัดมารวมกันที่บริเวณดังกล่าว ประกอบกับเป็นเมืองประมง ที่มีแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก อาจเกิดอุบัติเหตุพลัดตกเรือเสียชีวิต และถูกกระแสน้ำพัดมาอยู่ที่บริเวณดังกล่าว

นายชนะสรณ์กล่าวอีกว่า ชาวบ้านไม่รู้สึกตื่นเต้นกับการกู้ซากตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวขึ้นมา โดยมีความเห็นแตกออกเป็น 2 ส่วน คือ ไม่ต้องการให้กู้ซากตู้ดังกล่าวขึ้นมา เนื่องจากเกรงว่าหากเป็นเรื่องจริงตามข่าวที่ว่าเป็นที่ซุกซ่อนศพผู้สูญหายจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จะเป็นผลเสียต่อประเทศชาติ และพื้นที่แสมสาร รวมถึงเกรงว่าหากไม่เป็นตามนั้น แต่กลายเป็นตู้บรรทุกสารเคมีพิษ เนื่องจากรอบบริเวณมีนิคมอุตสาห กรรมเป็นจำนวนมาก อาจมีการลักลอบนำมาทิ้งที่บริเวณดังกล่าว หากเปิดออกมาแล้ว เกรงว่าสารพิษดังกล่าวอาจส่งผลต่อระบบนิเวศในพื้นที่ จนเกิดความเสียหายอย่างไม่มีทางกู้คืนมา อีกส่วนหนึ่งมีความเห็นว่าควรเปิดพิสูจน์ จะได้รู้ความจริงทั้งหมดว่าเป็นอะไร

พระครูวิสารทสุตากร เจ้าอาวาสวัดช่องแสมสาร กล่าวว่า ไม่เคยทราบข่าวเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวมาก่อน เพิ่งทราบจากข่าวที่ปรากฏออกมา ส่วนกรณีการลากอวนพบกะโหลกศีรษะของชาวประมงย่านช่องแสมสาร มีพบเป็นประจำไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ไม่ได้มากมายเป็น 100 หัวอย่างที่เป็นข่าว ไม่ทราบว่าไปเอามาจากไหน ปกติแล้วเมื่อชาวประมงลากติดกะโหลกศีรษะมาทุกคนจะดีใจ ถือว่าเป็นเรื่องโชคดี เรียกกันในภาษาชาวเรือว่า ลากติดทอง จะไม่โยนทิ้งกลางทะเล แต่จะนำกลับเข้าฝั่งและนิมนต์พระไปทำพิธีสวดส่งวิญญาณ และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ เชื่อกันว่าจะทำให้หาปลาได้มากเป็นพิเศษ แต่หากพบแล้วโยนทิ้งไปไม่ยอมทำบุญให้ เชื่อว่าจะทำให้หาปลาไม่ได้ ปกติแล้วจะนิมนต์พระที่วัดช่องแสมสารไปทำพิธีเป็นประจำ แต่ไม่ได้บ่อยนักนานๆ ครั้ง ตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมายังไม่มีใครนิมนต์ไปทำพิธีแม้แต่ครั้งเดียว

ทางด้านพ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผอ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ที่จมอยู่ใต้ทะเลเกาะแสมสารว่า ดีเอสไอได้ส่งเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ 2 นาย ร่วมเป็นทีมสังเกตการณ์การตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น โดยในชั้นนี้เป็นเพียงการสำรวจข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น จะยังไม่มีการเก็บกู้ตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นมาเปิดพิสูจน์จนกว่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับที่มาของตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่าบริเวณร่องน้ำลึกที่พบตู้คอนเทนเนอร์นั้น เคยเป็นเส้นทางการเดินเรือขนถ่ายสินค้า นอกจากนี้ ในสมัยที่สหรัฐอเมริกาเคยเข้ามาตั้งฐานทัพที่ อ.สัตหีบ ได้ใช้ร่องน้ำดังกล่าวเป็นเส้นทางเดินเรือด้วย ดังนั้นการตรวจพิสูจน์ตู้คอนเทนเนอร์จำเป็นต้องมีข้อมูลรอบด้าน โดยจะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความน่าจะเป็น กับความเชื่อที่พูดกันปากต่อปาก ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ากับค่าใช้จ่าย

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ชุดสืบสวนดีเอสไอ นำทีมโดยพ.ต.อ.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ ช่วยราชการดีเอสไอ ต้องใช้งบประมาณนับหมื่นบาทจ่ายเป็นค่าน้ำมันเรือ ในการนำทีมออกสำรวจค้นหาตู้คอนเทนเนอร์ ตามที่ได้รับเบาะแสจากชาวบ้านว่า มีการนำศพแรงงานต่างด้าวที่เสียชีวิตใส่ตู้คอนเทนเนอร์มาทิ้งในอ่าวไทย โดยชุดสืบสวนได้สำรวจพื้นที่ใต้ทะเลจากชายฝั่งออกไปถึง 50 ไมล์ทะเล ดังนั้น การตรวจพิสูจน์หลังจากนี้จึงต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนเพียงพอ และคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายมหาศาลที่ต้องใช้ในการกู้ตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในชั้นสืบสวนไม่พบเหตุผลและข้อมูลที่น่าเชื่อว่า จะมีการขนย้ายศพจำนวนมากจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬในกทม.มาทิ้งกลางทะเล ประเด็นดังกล่าวจึงยังเป็นข้อมูลที่เลื่อนลอย

พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. กล่าวถึงการดำเนินการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ปริศนาที่ช่องแสมสารว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีสั่งการกระทรวงยุติธรรมเป็นแม่งานตรวจสอบแล้ว ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร.สั่งการบช.ก.ดำเนินการทุกอย่างไปตามอำนาจหน้าที่ จึงได้มอบหมายพล.ต.ต.มิสกวัน บัวรา ผบก. ตำรวจน้ำ เข้าร่วมพิสูจน์ทราบพร้อมประสานการทำงาน ร่วมกับกระทรวงยุติธรรมและกองทัพเรือ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตำรวจน้ำได้เข้าตรวจสอบหาเจ้าของและที่มาที่ไปของตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดแล้ว แต่รายละเอียดเรื่องผลการตรวจสอบให้กระทรวงยุติธรรม ในฐานะเป็นแม่งาน เป็นผู้อธิบายจะเหมาะสมกว่า

เมื่อเวลา 07.20 น. ที่ขส.ทบ. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงข้อสงสัยของกลุ่มญาติวีรชนพฤษภาทมิฬ 2535 อ้างถึงเบาะแสพบโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมากอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ในทะเลอ่าวไทย บริเวณต.แสม สาร ว่า "ผมคิดว่าคำตอบตอนนี้ คืออย่างไรก็ต้องพิสูจน์ทราบ มันไม่มีทางที่จะปล่อยให้อยู่อย่างนั้น ต้องเอาขึ้นมา แต่อยากเรียนสังคมว่าก็ให้เอาขึ้นมาเสียแล้วพิสูจน์ว่าเป็นอะไร ดีกว่าจะไปวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันเป็นอะไร เรื่องนี้จะปล่อยไปไม่ได้ ต้องเอาขึ้นมาดูอยู่แล้ว"

ผู้สื่อข่าวถามว่ากองทัพพร้อมช่วยดำเนินการหรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า แล้วแต่ว่าใครมีหน้าที่ไปดำเนินการ แล้วก็ต้องมีวิธี เพราะเป็นอะไรยังไม่มีใครรู้ เป็นของมีพิษหรือเปล่าหรือเป็นอย่างอื่น ซึ่งต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่มีความรับผิดชอบ ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสารพิษต้องมีกรรมวิธีในการทำ เมื่อถามว่านายกฯ ระบุว่าอาจเกี่ยวโยงกับขบวนการค้ามนุษย์ ทางกองทัพบกมีข้อมูลบ้างหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ผมไม่มีข้อมูล เพราะเรื่องนี้อยู่ในทะเล" เมื่อถามว่ากลุ่มญาติวีรชนฯ เป็นห่วงว่าทหารจะขัดขวางการตรวจสอบดังกล่าว เนื่องจากเชื่อมโยงกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า "ยืนยันว่าไม่มีการขัดขวาง ต้องพิสูจน์ทราบแน่นอน ไม่มีใครไปขัดขวาง"

ส่วนนายเอิบเปรม วัชรางกูร หัวหน้ากลุ่มวิชาการโบราณคดีใต้น้ำ กรมศิลปากร กล่าวว่า ขอยืนยันว่าบริเวณดังกล่าวไม่มีตู้คอนเทนเนอร์จมอยู่แน่นอน เพราะปี 2551 ดีเอสไอขอกลุ่มวิชาการโบราณคดีใต้น้ำ ลงไปพิสูจนบริเวณเกาะแสมสาร และเกาะยาว เนื่องจากมีประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามา ปรากฏว่าไม่พบตู้คอนเทนเนอร์ ขณะเดียวกันชาวประมงบอกกับทางกลุ่มวิชาโบราณคดีใต้น้ำว่า หากมีศพจริง หรือสิ่งเน่าเปื่อย บริเวณนั้นจะมีปลาชุม ชาวประมงก็ต้องรู้

"ที่ผ่านมาเกือบ 20 ปีก็มีประชาชนออกมาร้องเรียนอยู่เรื่อยๆ แต่เมื่อพิสูจน์ก็ไม่พบหลักฐาน อย่างไรก็ตาม การออกมาร้องเรียนครั้งนี้ ก็ไม่เข้าใจว่าต้องการอะไรกันแน่ ขณะเดียวกัน ผมอยากให้ลองพิสูจน์ดูว่ามีจริงตามที่ร้องเรียนมาเหมือนกันว่ามีหรือไม่ แต่ทางกรมศิลปากรยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน" หัวหน้ากลุ่มวิชาการโบราณคดีใต้น้ำกล่าว

รายงานข่าวจากทีมสำรวจตู้คอนเทนเนอร์ว่า ทีมงานที่ดำน้ำลงไปดูตู้คอนเทนเนอร์จุดแรก มองว่าตู้มีน้ำหนักมากและติดแน่นกับพื้นทะเล หากจะกู้ขึ้นมาพิสูจน์ความจริง ก็ต้องใช้เครนขนาดใหญ่บนเรือใหญ่ ซึ่งกองทัพเรือไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าว หากจะทำจริงก็ต้องไปจ้างเรือขนาดใหญ่ของเอกชนมาทำการแทน ซึ่งก็มีปัญหาเรื่องงบประมาณที่อาจต้องใช้ถึงหลายสิบล้านบาท ในชั้นนี้ ทีมงานจึงเห็นควรว่าจะแค่ตรวจสอบอายุของหอยเพรียงและปะการังที่ติดรอบๆ ตู้คอนเทนเนอร์ก่อนว่ามีอายุประมาณเท่าใด และเสนอเรื่องให้รัฐบาลเป็นคนตัดสินใจว่าจะเดินหน้าโครงการต่อหรือไม่

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์