คลังนัดประชุมด่วนล้างอาย



กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม.ออกกฎหมายกู้เงิน 2 ฉบับ วงเงิน 8 แสนล้าน พร้อมเตรียมเสนอขออนุมัติกรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศ เพื่อ 3 โครงการ


นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้นัดนายกรณ์ จาติกวณิช รมว. คลัง นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง พร้อม ด้วยนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง และหน่วยงานรับผิดชอบ หารือในประเด็นที่กระทรวงการคลังจำเป็นต้องออกกฎหมายกู้เงินฉุกเฉินภายใต้วงเงิน 800,000 ล้านบาท เพื่อไม่ให้การเบิกจ่าย งบประมาณของรัฐสะดุด

ขณะที่การลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 จำเป็นต้องเร่งดำเนิน การ ทั้งนี้ เนื่องจากหน่วยงานจัดเก็บภาษีแจ้งว่า รายได้ในปีนี้หายหดหายไปไม่น้อยกว่า 300,000 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวาระพิเศษดังกล่าวมีขึ้นที่กระทรวงการคลัง เมื่อวานนี้ (5.ค.)หลังจากที่ข้าราชการระดับสูง และบรรดารัฐมนตรีช่วยแสดงความเห็นว่า รู้สึกอับอายขายหน้าที่ข้าราชการระดับรองอธิบดีกรมบัญชีกลางให้ สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า กระทรวงการคลังอาจจะต้องไปขอยืมเงินค่าลงทะเบียนเรียนของนักศึกษา และค่าธรรมเนียมวางศาลมาใช้ไปพลาง ๆ ก่อน โดยเหตุดังกล่าว ทำให้นายประดิษฐ์ต้องเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง พร้อมเชิญนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเพิ่งจะเดินทางกลับจากการเดินทางไปร่วมประชุมธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เข้า ร่วมประชุมด้วย

ด้านนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงคลังจะเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณาออกกฎหมายใหม่ 2 ฉบับ คือ พระ ราชบัญญัติกู้เงินในวงเงินไม่เกิน 400,000 ล้านบาท และพระราชกำหนดพิเศษกู้เงินฉุกเฉินอีก 400,000  ล้านบาท รวมเป็นวงเงินกู้ทั้งสิ้น 800,000 ล้านบาท ส่วนรายละเอียดจะได้มีการหารือเพื่อกำหนดกรอบความจำเป็น และมาตรการที่จะใช้จ่ายเงินดังกล่าวกันในที่ประชุม ครม.อีกครั้งในเช้าวันนี้ (6 .ค.)

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แผนการกู้เงินดังกล่าว จะเป็นแผนการกู้เงินต่อเนื่อง 3 ปีภายใต้ "แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555" โดยจะสิ้นสุดในปี 2555

แบ่งเป็นเงินกู้เร่งด่วน ผ่านการออกพระราชกำหนดฉุกเฉิน 400,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในวงเงิน 300,000 ล้านบาท ส่วนอีก 100,000 ล้านบาท จะนำไปชดเชยเงินคงคลังที่ได้นำออกมาใช้ ส่วนอีก 400,000 ล้านบาท ซึ่งจะออกเป็นพระราชบัญญัติ เสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภา จะนำไปใช้เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าการลงทุนในระยะเริ่มแรกจาก ปี 2552 - 2553 อาจจะใช้จ่ายเงินได้เพียง 400,000  ล้านบาท สำหรับแหล่งเงินที่จะใช้ในการกู้นั้น ส่วนใหญ่จะกู้เงินในประเทศ เนื่องจากยังมีสภาพคล่องเหลือในระบบจำนวนมาก และนอกจากเงินที่เหลืออยู่ในระบบธนาคารพาณิชย์แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังสามารถลงทุนในพันธบัตร รัฐบาลเพื่อปล่อยสภาพคล่องเข้าระบบได้อยู่แล้ว


อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบความเป็น ไปได้ของโครงการต่าง ๆ ที่แต่ละกระทรวงเสนอมาแล้ว ยังเป็นการยากที่จะมองเห็นความเป็นไปได้ ของการลงทุน


ที่สำคัญ ข้าราชการแต่ละกระทรวงยังคงใส่เกียร์ว่าง และอีกจำนวนมากที่ไม่กล้าตัดสินใจ จัดซื้อจัดจ้าง ด้วยเหตุที่กลัวจะถูกตรวจสอบ หรือถูกร้องเรียนว่ามีการทุจริตประพฤติมิชอบ จึงไม่มีหน่วยงานใดลงมือทำงานตามแผนการที่ได้วางไว้


"
ยิ่งไม่มีรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพผลักดันให้เกิดการลงมือทำในโครงการต่าง ๆ ก็ยิ่งไม่สามารถจะคาดหวังได้ว่า โครงการต่าง ๆ จะเดินหน้าไปได้อย่างไร ข้าราชการระดับสูง กระทรวงการคลังเปิดเผย

นอกเหนือจากการออกกฎหมายกู้เงินในวงเงินดังกล่าวแล้ว ยังมีรายงานด้วยว่า กระทรวงการคลังจะเสนอให้ ครม.พิจารณาแนวคิดเรื่องการนำเงินในบัญชีสำรองพิเศษซึ่งเป็นเงินกำไรสะสมจาก ทุนสำรองทางการระหว่างประเทศมาใช้เพื่ออุดรูโหว่ในงบประมาณรายจ่าย เพื่อฉุดรั้งไม่ให้ภาวะเศรษฐกิจปักหัวลงอย่างรุนแรงในช่วงระยะเวลา 2 - 3 ปีนี้ ขณะเดียวกันเพื่อนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในประเทศ โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับทุนสำรองเงินตราที่หนุนหลังการพิมพ์ ธนบัตรอยู่ โดยเงินดังกล่าวที่จะนำมาใช้มีวงเงินราว 800,000 ล้านบาทด้วยกัน "ในระยะเวลา 2 - 3 ปีนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องใช้เงินราว 2 ล้านล้าน บาท เพื่อค้ำยันไว้ไม่ให้เศรษฐกิจร่วงจากปากเหวลงไป" ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 6 .. กระทรวงการคลังยังจะเสนอขออนุมัติกรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศสำหรับโครงการ 3 โครงการ ตามแผนการก่อหนี้ต่างประเทศประจำ ปีงบประมาณ 2552 ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2552 โดยรวมกรอบ วงเงินที่จะขอกู้เงินประมาณ 311.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 10,277.20 ล้านบาท รวมทั้งจะมีการ พิจารณาโครงการที่ถูกตัดออกจากการที่ ครม.ให้ปรับ งบประมาณปี 2553 ลง 200,000 ล้านบาทด้วย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์