สถิตย์ ฟันธง ศก.ไทยฟื้นตัวไตรมาส 4 นี้



มองไทยถูกหั่นเรตติ้งลงแค่ปัญหาชั่วคราว ชี้รัฐต้องทำงานหนักขึ้น สัญญาณการฟื้นตัวของต่างประเทศ เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่จะทำให้การจัดเก็บภาษีของไทยมีแนวโน้มมากขึ้น


วันนี้ (20 เม.ย.) นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง และในฐานะประธานกรรมการ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า กรณีที่ประเทศไทยถูกสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างชาติปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (เรตติ้ง) ลงตามความไม่สงบทางการเมืองนั้น เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อไทยเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะมองว่าต่อจากนี้ไปแนวโน้มสถานการณ์ทางการเมืองจะเริ่มคลี่คลาย และมีความเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งคงไม่ส่งผลกระทบต่อการขอกู้เงินจากต่างประเทศมากนัก แต่ยอมรับว่าในช่วงระยะสั้นจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินภายในประเทศสูงขึ้น?

อย่างไรก็ดี นายสถิตย์ กล่าวเพิ่มว่า

โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ภายในไตรมาส 4/2552 เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศใหญ่ๆ ที่เป็นคู่ค้ากับประเทศไทยเริ่มเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นมากแล้ว ประกอบกับมาตรการงบประมาณกลางปีของไทยที่จะมีเพิ่มเติมอีก 116,000 ล้านบาท จะเริ่มมีผลในเดือนเม.ย. 52 เชื่อว่าจะทำให้เกิดการลงทุนในโครงการต่างๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการงบประมาณขาดดุล 350,000 ล้านบาท ก็จะมีผลในช่วงเดือนต.ค. 52 เช่นกัน โดยปัจจัยทั้งหมดดังกล่าวเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยสามารถ ฟื้นตัวได้ตามที่คาดการณ์ไว้?

นายสถิตย์ กล่าวด้วยว่า

สัญญาณการฟื้นตัวของต่างประเทศนั้นเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่จะทำให้การจัดเก็บภาษีของไทยมีแนวโน้มเป็นไปตามเป้าได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะถ้าเศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณที่ดี การค้า การลงทุนในด้านต่าง ๆ ก็จะสูงขึ้น และเมื่อเศรษฐกิจเริ่มหมุนเวียนก็จะส่งผลถึงปริมาณการนำเข้าวัตถุดิบของไทยเพิ่มสูง ดังนั้น การจัดเก็บภาษีอากรนำเข้าก็จะสูงขึ้นตามมา ถือว่าเป็นวงจรของระบบเศรษฐกิจอยู่แล้ว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์