แบงก์ไทยฟันกำไรพุ่งกว่า 14 เท่า นครหลวงไทยมากสุด

วันนี้ (21 ม.ค.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 11 แห่ง ในปี 2551

มีกำไรสุทธิรวม
80,579.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75,409.90 ล้านบาท หรือร้อยละ 1,458.64 เมื่อเทียบกับผลประกอบการในปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิรวม 5,169.88 ล้านบา โดยธนาคารส่วนใหญ่สามารถกลับมามีกำไรได้ในปี 2551 จากปี 2550 ที่มียอดขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งธนาคารที่มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นมากสุด คือ ธนาคารนครหลวงไทย มีกำไรสุทธิที่ 4,127.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 303.43 จากปี 2550 ที่ขาดทุนสุทธิ 2,028.82 ล้านบาท
 

รองลงมาคือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีกำไรสุทธิ 4,896.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 222.65 จากปี 2550 ที่ขาดทุนสุทธิ 3,991.98 ล้านบาท และธนาคารทหารไทย มีกำไรสุทธิ 423.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.97 จากปี 2550 ที่ขาดทุนสุทธิ 43,676.95 ล้านบาท ส่วนธนาคารที่มีผลประกอบการลดลงมากที่สุดคือ ธนาคารเกียรตินาคิน มีกำไรสุทธิ 1,866.99 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.56 เมื่อเทียบกับปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 2,111.04 ล้านบาท

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า


สาเหตุที่ธนาคารมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากในปี
2550 ธนาคารได้ตั้งสํารองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพื่อให้ครบถ้วนตามมาตรฐานบัญชี ระหว่างประเทศฉบับที่ 39 (ไอเอเอส 39) ทําให้สํารองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดลงในปี 2551 จำนวน 4,920 ล้านบาท หรือร้อยละ 70.93 และสำรองขาดทุนจากการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขายลดลงจำนวน 1,328 ล้านบาท หรือร้อยละ 79.33


นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น
7,115 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.3

ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง
1,546 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.5 ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 2,560 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.7 เมื่อเทียบกับปี 2550 นอกจากนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 6,060 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของสินเชื่อรายย่อยจากร้อยละ 21.7 ณ สิ้นปี 2550 เป็นร้อยละ 32.6 ณ สิ้นปี 2551 และเมื่อหักภาษีเงินได้จำนวน 559 ล้านบาทแล้ว ทำให้ธนาคารและบริษัทย่อยบันทึกกำไรสุทธิในปี 2551 จำนวน 4,896 ล้านบาท


นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน กล่าวว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิลดลง


เพราะในปี
2551 ได้ตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ 990 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.7 เมื่อเทียบกับปี 2550 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ หลังเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจและการเงินโลก  รวมทั้งสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ยืดเยื้อ รวมทั้งเพื่อเพิ่มอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ให้อยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์