รัฐบาลเล็งลดใช้น้ำฟรีเหลือเดือนละ 30 ลบ.ม. หลังครัวเรือนใช้แบบไม่ประหยัด

กรุงเทพฯ 28 ธ.ค. - รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลอยู่ระหว่างปรับปรุงรายละเอียดของ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคนใหม่ทั้งหมด

เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนที่แท้จริง และไม่ให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระมากเกินไป ที่สำคัญ ต้องไม่ส่งเสริมให้เกิดการไม่ประหยัด หรือให้ประโยชน์กับคนรวย ขณะที่คนจนไม่ได้รับประโยชน์ โดยจะลดปริมาณการใช้น้ำประปาฟรี เหลือเพียงครัวเรือนละ 30 ลบ.ม./เดือน จากเดิมที่กำหนดไว้ 50 ลบ.ม.เนื่องจากพบว่าแนวโน้มการใช้น้ำประปาในแต่ละครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค ที่เดิมมีการใช้น้ำเฉลี่ยครัวเรือนละ 13.38 ลบ.ม./เดือน กลับเพิ่มเป็น 15.27 ลบ.ม. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ขณะที่ในเขตนครหลวงใช้น้ำเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3 จากเดิมที่เคยใช้น้ำประปาเฉลี่ยเดือนละ 19.66 ลบ.ม. เพิ่มเป็น 20.22 ลบ.ม.


ส่วนการใช้ไฟฟ้าฟรีอาจปรับเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกินครัวเรือนละ 90 หน่วย/เดือน และไม่มีการจ่ายค่าไฟฟ้าเพียงครึ่งเดียวหรือร้อยละ 50 แต่อย่างใด

จากเดิมที่กำหนดว่าให้ใช้ไฟฟ้าฟรีเดือนละ 80 หน่วย แต่หากเกินกว่านั้นแต่ไม่ถึง 150 หน่วย จะลดค่าไฟฟ้าให้ร้อยละ 50 ปัจจุบันมีผู้ได้รับประโยชน์จากการใช้ไฟฟ้าฟรีรวม 10.75 ล้านราย ขณะที่การขึ้นรถเมล์-รถไฟฟรี อาจคงไว้เหมือนเดิมหรืออาจปรับปรุงให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนผู้มีรายได้น้อยต่อไป ส่วนมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันนั้น จะไม่มีการต่ออายุแต่อย่างใด เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงมากแล้วและไม่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนไม่มีการประหยัดการใช้น้ำมัน ส่วนมาตรการชะลอการปรับราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ในครัวเรือน จะยังคงมาตรการไว้เหมือนเดิม


นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่รัฐบาลต้องปรับปรุงมาตรการนี้ใหม่ เพราะที่ผ่านมา มีการส่งเสริมให้ประชาชนไม่ประหยัด

โดยเฉพาะการใช้น้ำประปาที่พบว่า แต่ละครัวเรือนใช้น้ำเพิ่มขึ้น ทั้งที่ตามปกติไม่เคยใช้ถึง 20-30 หน่วย/เดือน แต่เมื่อมีมาตรการบางครัวเรือนก็เปิดน้ำทิ้งบ้าง หรือบางบ้านก็ไม่ปิดน้ำเลิยก็มี ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง ขณะที่คนรวยอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องได้รับส่วนลดจากการใช้ไฟฟ้าฟรี ที่ระบุว่าหากใช้อยู่ระหว่าง 80-150 หน่วย/เดือนจะเสียเพียงร้อยละ 50 ซึ่งไม่เหมาะสมและเป็นจุดอ่อนอย่างมาก ซึ่ง 6 มาตรการ 6 เดือนฯ นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของรัฐบาล โดยจะประกาศอย่างเป็นทางการต่อไปเมื่อแถลงนโยบายแล้วเสร็จ .- สำนักข่าวไทย


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์