เผยผลเรียนวิทย์-คณิตฯเด็กไทยต่ำเกณฑ์นานาชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (9 ธ.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ น.ส.นารี วงศ์สิโรจน์กุล รักษาการผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)

นางพรพรรณ ไวทยางกูร รองผู้อำนวยการ สสวท. และนายปรีชาญ เดชศรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สสวท. ร่วมกันแถลงผลประเมินการเรียนคณิตศาสตร์  และวิทยาศาสตร์ของเด็กไทย ภายใต้โครงการศึกษาแนวโน้มการจัดการศึกษาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ร่วมกับนานาชาติ
               
นายปรีชาญ กล่าวว่า  กลุ่มประเทศที่ได้คะแนนสูงสุด 5 ประเทศ อยู่ในทวีปเอเชียทั้งหมด

ได้แก่ สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและฮ่องกง ส่วนประเทศไทยได้คะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาตรฐานนานาชาติ (500 คะแนน) และอยู่ในกลุ่มที่ 3 ของคะแนนรวม และผลประเมินทั้ง 2 วิชาของเด็กไทยมีคะแนนที่ลดลงกว่า เมื่อปี พ.ศ. 2542
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สสวท. กล่าวต่อว่า เมื่อแยกลำดับคะแนนตามสังกัดพบว่า โรงเรียนสาธิตสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มีคะแนนมากกว่าโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) มากกว่าโรงเรียนสังกัดสำนักบริหารการศึกษาท้องถิ่น (สศท.) และสำนักงานการ ศึกษากรุงเทพมหานคร และที่น้อยที่สุด คือ โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยประเทศไทยโรงเรียนขนาดใหญ่จะมีคะแนนสูงที่สุด แต่โรงเรียนขนาดเล็กมีคะแนนต่ำสุด ซึ่งมีกว่า 4,000 โรงเรียน
               
นายปรีชาญ กล่าวอีกว่า แม้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของเด็กไทยจะลดต่ำลง

แต่เมื่อดูแนวโน้มของหลายประเทศ โดยเฉพาะสิงคโปร์ที่เคยมีคะแนนระดับสูงก็ลดต่ำลงมาก  แต่ทั้งนี้ขึ้นกับประเทศใดจะปรับตัวได้ดีกว่าเพื่อพร้อมและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ส่วนปัจจัยที่ทำให้ผลประเมินลดลง คาดว่า เป็นเพราะปัญหาการขาดแคลนครู จากการเออรี่รีไทร์ครูดีๆ ออกจากระบบและรับครูใหม่เป็นครูอัตราจ้าง นอกจากนี้ ยังเกิดจากโรงเรียนขยายโอกาส หรือโรงเรียนระดับมัธยมมีมากขึ้นทำให้ฐานที่นำมาประเมินกว้างขึ้น คะแนนจึงลดลง
               
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สสวท. กล่าวด้วยว่า ข้อเสนอที่ได้จากการประเมินผลครั้งนี้ คือ ต้องเร่งพัฒนาครู และอำนาจการบริหารจัดการการศึกษาควรแยกออกจากการบริหารของรัฐบาล

เพราะนโยบายการศึกษาจะได้มีแผนการจัดการศึกษาที่ชัดเจน ไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย เห็นได้ว่า ในการประเมินผลสัมฤทธิ์วิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ครั้งนี้ ไต้หวันและเกาหลีใต้ ไต่ระดับได้คะแนนสูงทั้ง 2 วิชา แทนสิงคโปร์ ฮ่องกงและญี่ปุ่น เพราะทั้ง 2 ประเทศมีเป้าหมายที่ชัดเจน นอกจากนี้ ยังพบว่า การเรียนภาษาแม่หรือภาษาไทย และภาษาที่ 2 ให้ดี จะส่งผลให้เด็กเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ได้ดี เพราะทำให้มีจินตนาการและจะสามารถแก้โจทย์เชิงประยุกต์ได้
               
ด้านนางพรพรรณ กล่าวว่า ผลประเมินยังพบว่า เด็กไทยมีชั่วโมงเรียนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากกานา

แต่เมื่อเทียบจำนวนชั่วโมงเรียนต่อปี ประเทศที่มีคะแนนประเมินอยู่ในระดับสูง มีชั่วโมงเรียนต่อปีมากกว่า โดยอาจเป็นเพราะหลักสูตรการศึกษาไทยมีกิจกรรมมาก และช่วงปิดเทอมค่อนข้างยาว

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์