ในหลวง พระราชทานพระบรมโชวาท ย้ำทหารต้องเป็นที่ศรัทธาของปชช. มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง

ในหลวงพระราชทานพระบรมโชวาทแก่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ในพิธีถวายสัตย์ฯ-สวนสนาม ให้ประพฤติตนดีเป็นเป็นที่ศรัทธาของประชาชน ระมัดระวังกายใจให้มั่นคง มีความสัตย์ สุจริต มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน อดกลั้น ความเจริญจะเกิดแก่บ้านเมือง

 
สำนักพระราชวังออกหมายกำหนดเสด็จฯ ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ 5 ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ ลานพระราชวังดุสิต พระบรมรูปทรงม้า เพื่อทรงตรวจพลสวนสนามในพิธีถวายสัตย์ปฎิญาณและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2551 เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 2 ธันวาคม
 
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ และทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ความว่า "ข้าพเจ้าและพระราชินีมีความปลื้มปิติยิ่งนัก ที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางเหล่าทหารรักษาพระองค์ และได้ฟังคำปฎิญาณที่ทุกๆ คนกล่าวอย่างหนักแน่น ขอขอบใจในไมตรีจิตของทุกคน ทั้งขอสนองพรและไมตรีนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน คำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้แก่ข้าพเจ้านั้นเป็นสัจจะวาจาที่มีค่าควรรักษาไว้โดยเคร่งครัด เพราะเป็นสิ่งที่จะคุ้มครองตัวท่านให้มีความเจริญสวัสดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อที่จะรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ของทหารรักษาพระองค์ แท้จริงแล้วการรักษาเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ เหล่านี้ มิได้หมายถึงการทำตัวให้เรียบร้อยเป็นสง่าสมกับชั้นยศและตำแหน่งหน้าที่เท่านั้น แต่ย่อมหมายถึงการปฎิบัติหน้าที่ของทหารให้ถูกต้องสมบูรณ์ รวมทั้งการประพฤติปฏิบัติตนดีให้เป็นที่ศรัทธาเชื่อถือของประชาชนด้วย
 
ดังนั้น ทหารรักษาพระองค์ทุกคนไม่ว่าจะประพฤติ ปฏิบัติการใด จะต้องระมัดระวังกายใจให้มั่นคง เที่ยงตรงให้มีความสัตย์ สุจริตและความสมัครสมานสามัคคี มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งอดทน และอดกลั้น ถ้าทุกคนมุ่งใจปฎิบัติดังนี้ความมี ความเจริญที่จะบังเกิดขึ้นทั้งแก่ตัวท่าน แก่หมู่คณะ ตลอดถึงชาติบ้านเมือง เป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรีของทหารรักษาพระองค์อย่างแท้จริงและยั่งยืน ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับทั้งอำนาจแห่งความภักดีโดยบริสุทธิ์ใจต่อชาติบ้านเมือง จงดลบันดาลให้ทหารทุกคนประสบแก่ความสุข ความเจริญ และความสวัสดีมีชัย ทุกเมื่อไป"
 
ทั้งนี้ พระราชพิธีดังกล่าว มีพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) พล.อ.รัชกฤต กาญจนวัฒน์ เสนาธิการทหาร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) พล.ร.อ.รพล คำคล้าย เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์  ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.) พล.อ.อ.มานิต สพันธุพงษ์ เสนาธิการทหารอากาศ ตามเสด็จฯทรงตรวจพลสวนสนาม และพล.อ.ทรงกิตติ ได้กล่าวนำถวายคำสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจักยอมตาย เพื่อรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า และจะจงรักภักดีและจะถวายความปลอดภัยต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จนชีวิตหาไม่ และจะเชิดชูรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ของทหารรักษาพระองค์ ทั้งจะปฎิบัติตนให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทุกประการŽ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักพระราชวังได้ออกหมายกำหนดการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนิน ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เพื่อพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล พร้อมทรงมีพระราชดำรัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2551 ในเวลา 16.00 น.


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์