ชี้ภัยถุงมือ-ถุงยางแพ้พิษถึงช็อกตาย

แพ้!!! สารลาเท็กซ์


อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น เผยภัยจากถุงมือทางการแพทย์ถึงขั้นคร่าชีวิตได้ จากการแพ้โปรตีน ระบุเคยพบในรายของพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ ถึงขั้นต้องขอย้ายไปทำงานในส่วนอื่นที่ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับการสัมผัส

ผศ.เนสินี ไชยเอีย อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้ศึกษาความหลากหลายของความชุก ของการแพ้สารลาเท็กซ์ เปิดเผยว่า การตื่นตัวใช้ถุงมือยาง ทั้งในทางการแพทย์และใช้งานทั่วไป ทำให้มีรายงานเกี่ยวกับอาการภูมิแพ้ ต่อสารเคมีหรือโปรตีนที่อยู่ในถุงมือ โดยเฉพาะถุงมือผ่าตัดและถุงมือยางที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ยางชนิดแรก ที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ที่เกิดจากการสัมผัสยาง

สำหรับอาการภูมิแพ้ ที่เกิดจากการใช้ถุงมือยางแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ตามลักษณะการตอบสนองทางระบบภูมิคุ้มกัน กลุ่มแรก ได้แก่ อาการผื่นภูมิแพ้สัมผัส เกิดจากปฏิกิริยาภูมิไวเกินที่เกิดขึ้น โดยสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในถุงมือยาง ส่วยอาการภูมิแพ้อีกกลุ่มหนึ่ง ได้แก่ ปฏิกิริยาภูมิไวเกินแบบเฉียบพลัน ซึ่งพบว่ามีการรายงานน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลยในระยะแรก


"โปรตีนลาเท็กซ์ ในถุงมือยาง"


"สาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นมลพิษ ได้แก่ โปรตีนลาเท็กซ์ ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในถุงมือนั้นเอง โดยที่สารก่อภูมิแพ้ตัวนี้สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิไวเกินแบบเฉียบพลัน โดยอาการแสดง อาจมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ ผื่นลมพิษเฉพาะที่ เยื่อบุตาอักเสบ เยื่อโพรงจมูกอักเสบ ผื่นลมพิษขึ้นทั้งตัว หอบหืด จนกระทั่งถึงขั้นภาวะช็อก ที่อาจทำให้เสียชีวิตจากการแพ้ถุงมือนี้ก็ได้ อาการดังกล่าวเหล่านี้อาจเกิดจากการสัมผัส กับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยางธรรมชาติอื่นๆ อาทิ ลูกโป่ง ของเล่นเด็ก ถุงยางอนามัย และวัสดุทางการแพทย์ แต่อย่างไรก็ตามถุงมือทางการแพทย์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่พบว่า เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอาการดังกล่าวมากที่สุด"

ผศ.เนสินี กล่าวว่า ประเทศไทยส่งออกยางพาราและผลิตภัณฑ์จากยางพารา โดยเฉพาะถุงมือยาง เป็นอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้นปัญหาเกี่ยวกับการสัมผัสหรือสวมถุงมือยางแล้วเกิดอาการคันมือ มีตุ่มขึ้น หน้าแดง ตาบวม หรือในขั้นที่มีความดันโลหิตขึ้นสูง และถึงขนาดมีอาการช็อก มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้

"สถิตินี้ได้เกิดขึ้นมาแล้วสำหรับทางการแพทย์ โดยเฉพาะในยุโรป ตัวอย่างในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา รายงานไปถึงหน่วยงานด้านความปลอดภัย ของอาหารและยาประเด็นตรงนั้น ทำให้เราต้องฉุกคิดในปัญหาดังกล่าว จึงเป็นประเด็นในการวิจัยของเรา โดยศึกษาผู้ที่ผลิตถุงมือ และศึกษาผู้ที่กรีดยางพารา ซึ่งมีตัวเลขที่น่าแปลกใจว่า ความชุกของโรคนี้ค่อนข้างต่ำ แต่กลับพบว่าเกิดกับผู้ใช้ในต่างประเทศ เป็นตัวเลขค่อนข้างสูง ทั้งพยาบาล และแพทย์ จากการใช้ถุงมือในรูปแบบที่ต่างๆ กัน แต่ในประเทศไทยเท่าที่ได้ศึกษาโดยย้อนกลับมาดู มีแพทย์จากศิริราช ได้ทำการศึกษาไว้ 2-3 คน ส่วนในขอนแก่นเองยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน จึงไม่ทราบว่ามีปัญหามากน้อยเพียงใดของโรคที่เกิดจากโปรตีนที่แฝงอยู่ในเนื้อถุงยาง และสามารถก่อโรคภูมิแพ้ได้"


เคยช็อกตาย เพราะถุงยางธรรมชาติ!!!!!


ผศ.เนสินี กล่าวด้วยว่า ประชาชนเองก็ต้องให้ความสำคัญในการรับทราบด้วย เพราะมีรายงานทางการแพทย์ โดยเฉพาะในกลุ่มคนงานทำความสะอาด ที่นำถุงมือยางมาสวมใส่ ตรงนี้ก็มีผลกระทบเหมือนกับถุงมือยางทางการแพทย์ กรณีของถุงยางอนามัย ที่ทำจากยางพารา ก็เคยมีรายงานการเสียชีวิตระหว่างมีเพศสัมพันธ์ พบว่า การเสียชีวิตเกิดจากการใช้ถุงยางอนามัยไม่ใช่เพราะหัวใจวาย เพราะถุงยางอนามัยที่ผลิตจากยางธรรมชาติ มีสารโปรตีนที่ก่อให้เกิดการแพ้อย่างรุนแรง

"สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้นั้น เคยมีรายหนึ่งซึ่งเป็นพยาบาลจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคอีสาน ที่มีปัญหากับการใช้ถุงมือยาง กระทั่งต้องย้ายไปทำหน้าที่ในตำแหน่งอื่น ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ถุงมือยาง จากการเก็บข้อมูลของอีสาน พบว่า พบคนที่แพ้ประมาณ 2-3% หากคิดจากตัวเลขคนที่ใช้ถุงมือยาง 100 คน ในขณะที่ยุโรปจะแพ้ประมาณ 10% แต่ไม่ได้มีตัวเลขทางระบาดวิทยาที่จะระบุได้ว่า หญิงหรือชายแพ้มากกว่ากัน เพราะไม่ได้เจาะลึกมากขนาดนั้น แต่ส่วนใหญ่คนที่ใช้ถุงมือยางคือผู้หญิง จึงทำให้พบตัวเลขการแพ้มากกว่า" ผศ.เนสินี กล่าว


ถุงยาง มีสามชนิด!!!


น.พ.สมบัติ แทนประเสริฐสุข ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรณีการแพ้ถุงยางอนามัย สามารถเกิดขึ้นได้จากการแพ้ตัวยางลาเท็กซ์ ที่นำมาผลิตถุงยางอนามัย แต่จะเป็นผดผื่นคันเล็กน้อยไม่เป็นอันตรายมากนัก เหมือนกับอาการแพ้แอลกอฮอล์หรือพลาสติกทั่วไป อย่างไรก็ตาม ยังไม่เคยได้รับข้อมูลว่า มีผู้แพ้ถุงยางอนามัยจนเสียชีวิต ส่วนถุงยางอนามัยที่ สธ.แจกจ่ายไปทั่วประเทศนั้น ก็ยังไม่เคยพบรายงานว่ามีผู้แพ้แต่อย่างไร

ทั้งนี้ ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตระบุว่า ปัจจุบันวัสดุที่ใช้ผลิตถุงยางอนามัยที่จำหน่ายทั่วโลกมี 3 ชนิด ด้วยกัน คือ 1.ชนิดที่ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ

เป็นวัสดุที่ใช้แพร่หลายทั่วไป สามารถใช้คุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ 2.ผลิตจากลำไส้สัตว์ เป็นการใช้ส่วนลำไส้ของแกะมาผลิต โดยถุงยางอนามัยที่วางขายในอเมริการ้อยละ 5 ผลิตจากวัสดุชนิดนี้ มีความยืดหยุ่นดีใช้คุมกำเนิด แต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ได้ 3.ถุงยางอนามัยที่ผลิตจากโพลียูรีเทน ซึ่งเป็นสารจากธรรมชาติ ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทถุงยางอนามัยชื่อดังบางแห่งเท่านั้น




แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์