ราชาภิเษกยิ่งใหญ่! จิกมีกษัตริย์ภูฏาน

ราชอาณาจักรภูฏานจัดยิ่งใหญ่ พิธีราชาภิเษก สมเด็จพระราชาธิบดี "จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก" ขึ้นปกครองประเทศเป็นทางการในระบอบประชาธิปไตยรายใหม่สุดของโลก

หลังพระราชบิดาสละพระราชบัลลังก์เมื่อ 2 ปีก่อน เผยเป็นกษัตริย์องค์ที่ 5 ของประเทศ มีพระชนมายุน้อยที่สุดในโลกเพียง 28 พรรษา ประชาชนนับพันเข้าแถวถวายพระพร เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ราชอาณาจักรภูฏานจัดงานพระราชพิธีราชาภิเษก สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 5 ของประเทศ และเป็นกษัตริย์ที่มีพระชนมายุน้อยที่สุดในโลกขณะนี้ ด้วยพระชนมายุ 28 พรรษา โดยสำนักข่าวต่างประเทศต่างนำเสนอว่า องค์จิกมีทรงเป็นกษัตริย์หนุ่มในช่วงที่ประเทศเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ระบอบประชาธิปไตยเป็นรายใหม่ที่สุดของโลก

สำหรับพระราชพิธีราชาภิเษกครั้งนี้จัดขึ้นหลังจากสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก พระชนมายุ 52 พรรษา พระราชบิดาขององค์จิกมี เคเซอร์ นัมเกม วังชุก สละราชบัลลังก์ตั้งแต่ 2 ปีก่อน

ตามพระราชประสงค์ที่ทรงต้องการปรับเปลี่ยนประเทศให้ทันตามยุคสมัย เมื่อตรัสในปี 2548 ว่า "นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเปลี่ยนแปลงระบบทางการเมืองในช่วงที่ประเทศมีเสถียรภาพและสันติภาพ ไม่จำเป็นต้องรอจนให้เกิดการปฏิวัติ"สำนักข่าวเอพีรายงานว่า การเว้นระยะ 2 ปีกว่าจะมาถึงงานพระราชพิธีราชาภิเษกในครั้งนี้น่าจะถือตามฤกษ์ที่ดีที่สุดเพื่อความสำเร็จของประเทศที่มีประชากร 635,000 คน หลังจากที่องค์จิกมี ซิงเย ทรงวางแผนการเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตยมาเป็นขั้นตอน กระทั่งปัจจุบันภูฏานมีรัฐสภาและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง พร้อมกับกษัตริย์พระองค์ใหม่ที่ทรงดำรงตำแหน่งภายใต้รัฐธรรมนูญของประเทศ กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการติติง วิพากษ์วิจารณ์องค์ประมุขได้ และกษัตริย์จะทรงครองราชย์ได้จนถึงพระชนมายุ 65 พรรษา

งานพระราชพิธีครั้งนี้กำหนดจัดขึ้นเป็นเวลา 5 วัน ในวันแรกประกอบพระราชพิธีตามธรรมเนียมโบราณ จัดที่เมืองภูนาคา เมืองหลวงเก่า มีเพียงพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมพิธี จากนั้นงานจัดในกรุงทิมพู เมืองหลวงของประเทศ

ประกอบด้วย พระราชพิธีเลี้ยงพระกระยาหารอาคันตุกะ พระราชพิธีเฉลิมฉลองพิธีราชาภิเษกในพระบรมมหาราชวัง และพระราชาธิบดีจิกมีทรงพบประชาชนที่สนามกีฬาแห่งชาติ สำหรับพระราชพิธีที่สำคัญที่สุดในวันที่ 6 พ.ย. คือ พิธีการสวมมงกุฎผ้าไหมสีดำแดงที่องค์จิกมีทรงรับพระราชทานจากพระราชบิดา ขณะที่ประชาชนหลายพันคนต่างเข้าแถวเพื่อถวายพระพรและถวายผ้าพันคอสีขาว สัญลักษณ์ของการถวายพระพรแด่องค์จิกมี

พิธีเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 08.31 น. ที่ห้องบัลลังก์ทองในพระราชวัง องค์จิกมีทรงได้รับสิ่งของล้ำค่า 7 สิ่งสำหรับกษัตริย์ อันหมายถึงความรอบรู้ อำนาจแห่งความชอบธรรม พลังอันไม่หมดสิ้น

ความแข็ง แกร่ง ความรัก สติปัญญา และอำนาจจากพรศักดิ์สิทธิ์ของผู้นำศาสนา นอกจากนี้จะทรงได้รับวัตถุมงคล 8 อย่างเป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญา ชีวิตยืนยาว ความมุ่งมั่น มีน้ำใจ เข้าอกเข้าใจ จิตบริสุทธิ์ กรรมอันถูกต้อง และสัมมาวาจา สำหรับผู้เข้าร่วมงานสำคัญ ได้แก่ พระบรมวงศานุวงศ์ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ และเหล่าอาคันตุกะ ซึ่งประเทศอินเดียมีนางประติพา ปาติล ประธานาธิบดีอินเดีย และนางโซเนีย คานธี ประธานพรรคคองเกรสของอินเดียและครอบ ครัว ผู้ใกล้ชิดกับราชวงศ์ภูฏาน มาร่วมงานพระราชพิธีในครั้งนี้


นายจิกมี ทินลีย์ นายกรัฐมนตรีภูฏาน กล่าวว่า สมเด็จพระราชาธิบดีจะทรงมีบทบาทสำคัญยิ่งในฐานะผู้นำหลักธรรมจริยาของประเทศ และจะทรงเป็นพลังที่จะสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืนสำหรับราชอาณาจักรภูฏานต่อไป

ด้านประเทศไทย นายเฉลิมพล ทันจิตต์ เอกอัคร ราชทูตไทยประจำราชอาณาจักรภูฏาน ถิ่นพำนัก ณ กรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยเข้าร่วมในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่กรุงทิมพู เวลา 15.00 น. วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยรังสิต สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานในงานแสดงทางวัฒนธรรมของภูฏานเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิ เษก องค์จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และฉลอง 100 ปีราชวงศ์วังชุก ซึ่งเอกอัครราชทูตภูฏานและภริยาเป็นเจ้าภาพ โดยมีแขกร่วมงานประมาณ 400-500 คน ประกอบด้วยข้าราชการสำนักพระราชวัง คณะทูตานุ ทูต ข้าราชการและชาวภูฏานในประเทศไทย ซึ่งภายในงานมีการแสดงพื้นเมือง 11 ชุดและมีอาหารพื้นเมืองเลี้ยงรับรองด้วย

สำหรับพระราชประวัติของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2523

ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก และสมเด็จพระราชินีอาชิ เชอริง ยางดน วังชุก พระมเหสีองค์ที่ 3 ในบรรดาพระมเหสีพี่น้อง 4 พระองค์ ในวัยพระเยาว์ องค์จิกมีทรงศึกษาที่ประเทศอินเดีย จากนั้นเสด็จไปศึกษาต่อในที่สหรัฐอเมริกาในระดับมัธยมศึกษาที่คัชชิง อะคาเดมี โรงเรียนประจำสหศึกษาที่มีชื่อเสียงของมลรัฐแมสซาชูเซตส์ จากนั้นทรงศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่วิทยาลัยวีตัน ด้านศิลปศาสตร์ ก่อนเสด็จมาศึกษาต่อปริญญาโทในสาขาการทูตและสาขาวิชาการเมืองที่วิทยาลัยม็อดเลน มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ในอังกฤษ

ทรงเริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและเป็นที่ชื่นชมในหมู่ชาวไทย เมื่อครั้งเสด็จทรงร่วมพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ 12-13 มิ.ย.2549 ที่กรุงเทพมหานคร

ในขณะทรงเป็นมกุฎราชกุมาร โดยเป็นพระราชอาคันตุกะที่มีพระชนมายุน้อยที่สุดในหมู่ราชวงศ์ที่มาร่วมงาน ในปีเดียวกันนั้น พระราชบิดาทรงสละราชสมบัติพระราชทานให้พระองค์เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2549 องค์จิกมีได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอย่างแรกโดยทรงมีพระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันชาติของภูฏาน ว่า จะทรงสานต่อแนวคิดความสุขมวลรวมประชาชาติของพระราชบิดาเพื่อประชาชน

นายจิกมี ธินเลย์ นายกรัฐมนตรีภูฏาน กล่าวว่า องค์จิกมีทรงมีพระทัยงามมาก สุภาพ และมีพระเมต ตาสูง รักเด็ก ไม่ทรงเคยล่าสัตว์ตั้งแต่ทรงพระเยาว์

ทั้งที่การล่าสัตว์เป็นสิ่งที่พระมหากษัตริย์ทรงต้องปฏิบัติ ตนไม่เคยเห็นพระองค์ทรงขับรถเร็วด้วย สมัยที่ทรงเป็นมกุฎราชกุมารทรงรับอุปถัมภ์เด็กชายในหมู่บ้านที่สายตามีปัญหาและส่งตัวไปรักษาที่ต่างประ เทศเพื่อให้เด็กชายกลับมามองเห็น สะท้อนน้ำพระทัยที่มีต่อเยาวชนของชาติ

ด้านนางพิไลพรรณ สมบัติศิริ กรรมการผู้จัดการโรงแรมปาร์คนายเลิศ แรฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล

ในฐานะที่ปรึกษาในการจัดเตรียมงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้องค์จิกมีทรงให้ความสำคัญเรื่องความใกล้ชิดกับประชาชนมาก ทรงยึดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นองค์แบบอย่าง โดยมีพระราชประสงค์ให้การจัดงานอย่างพอเพียงและอบอุ่น

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์