เสือโคร่งหลุดตะปบคนเลี้ยง


เสือโคร่งเพศผู้ ลายพาดกลอน “เจ้าศิลาทอง” หลุดจากกรง สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จ.ราชบุรี ก่อนตะปบคนเลี้ยงเจ็บสาหัส จนท.ออกโรงเตือนเตือนผู้หาของป่า และชุมชนใกล้เคียงให้ระมัดระวัง เผยยังไม่ได้กินอาหาร  จึงเกรงว่าจะเกิดอาการหิว และทำร้ายผู้ที่ไปพบ ล่าสุด ระดมไล่ล่าแต่ยังไม่เจอตัว


เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 30 ต.ค. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ได้รับตัวนายบุญมา ทองเกิด  อายุ 53  ปี คนเลี้ยงเสือโคร่ง ที่สถานีเพาะพันธุ์สัตว์ป่าเขาสน หมู่ 1 ต.รางบัว อ.จอมบึง เข้ารักษาตัวที่ห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน หลังนายวินันท์  วิระนะ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน นำตัวส่งเนื่องจากถูกเสือที่เลี้ยงไว้ในกรงตะปบ และทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนที่เสือตัวดังกล่าวได้หนีออกจากกรงขังเข้าไปซ่อนตัวในป่า 
 
นายทองชุบ เชื้อสมุทร อายุ 51 ปี พนักงานพิทักษ์ป่า สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน เปิดเผยว่า สำหรับเสือตัวที่หลุดไปนั้นชื่อว่า เจ้าศิลาทอง เป็นเสือโคร่งเพศผู้ อายุ 20 ปี น้ำหนัก  125 กิโลกรัม ซึ่งเป็นสัตว์ป่าของกลางที่นำมาจาก จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อประมาณ 3 ปี ที่ผ่านมา โดยก่อนเกิดเหตุในช่วงเช้านายบุญมา  ซึ่งเป็นผู้ดูแลเจ้าศิลาทอง ได้เข้าไปทำความสะอาด โดยเปิดประตูด้านหน้าทิ้งไว้ หลังจากทำความสะอาดก็เดินเข้าไปเปิดประตูห้องนอนที่เจ้าศิลาทองนอนอยู่โดยลืมปิดประตูด้านหน้า ทำให้เจ้าศิลาทองวิ่งออกมาและโดดทำร้ายนายบุญมาที่พยายามจะกันไม่ยอมให้ออกมาจากกรงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส  
 
ก่อนที่เจ้าศิลาทองจะวิ่งหนีขึ้นเขาด้านหลังกรงที่เลี้ยงไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าได้กระจายกำลังปิดล้อมภูเขาสนเพื่อไม่ให้เจ้าศิลาทองหลุดเข้าไปถึงหมู่บ้านที่อยู่ด้านหลังได้เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้ออกประกาศเตือนไป    ยังชาวบ้านที่จะเข้าไปหาของป่าในบริเวณดังกล่าว ห้ามเข้าเด็ดขาด เพราะเกรงว่าอาจจะถูกเสือทำร้ายได้ เพราะขณะที่เสือหลุดออกไปนั้นยังไม่ได้กินอาหารจึงเกรงว่าจะเกิดอาการหิวและทำร้ายผู้ที่ไปพบดังกล่าว 
 
ส่วนการค้นหาเจ้าศิลาทองนั้นเจ้าหน้าที่ยังพยายามค้นหาอย่างต่อเนื่องโดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ มาช่วยค้นหาพร้อมทั้งนำปืนยิงยาสลบมาช่วยถ้าพบตัวเสือ ซึ่งการค้นหานั้นจะต้องให้พบก่อนที่จะค่ำมืด เพราะเกรงว่าเสือนั้นอาจจะหลุดออกไปที่อื่นและเป็นอันตรายต่อชาวบ้านด้วย.
 


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์