เผยเมียดร. ไฟดูดที่ปั๊ม ท้อง3เดือน

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต


สลดภรรยาดร.ที่ถูกไฟที่ปั๊มมรณะดูดตายตั้งท้องได้ 3 เดือน ไปรับศพสามีด้วยบรรยากาศสุดเศร้าเผยก่อนเกิดเหตุขับรถกลับจากไปสัมมนาที่พัทยา

นัดจะกลับมารับไปกินข้าว ต่อมาก็มีคนโทร.มาบอกว่าถูกไฟดูด ปตท.ตรวจเครื่องเติมลมปั๊มมรณะ พบติดตั้งนอตไม่ครบ ระบบตัดไฟไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีสายดิน พยานเผยนาทีเกิดเหตุคนตายแวะมาเข้าห้องน้ำ แล้ววิ่งฝ่าน้ำฝนนองพื้นกลับขึ้นรถ แต่เกิดล้มหน้ากระแทกพื้น เด็กปั๊มพยายามเข้าช่วยแต่ไม่ทัน ปตท.ยืนยันพร้อมรับผิดชอบเต็มที่ ส่วนตร.ยังไม่ตั้งข้อหาใคร

จากกรณีนายรพีพงศ์ สุวรรณวรางกูร อายุ 31 ปี อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ สถา บันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ ศูนย์รังสิต ถูกไฟฟ้าชอร์ต ขณะจอดรถในช่องเติมลม ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.ข้างกองพันทหารราบที่ 1 ถนนวิภาวดีฯ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. เพื่อจะเข้าห้องน้ำ จากนั้นเมื่อกลับมาที่รถ ปรากฏว่าตู้เติมลมที่ล้มลงอยู่แล้วเกิดกระแสไฟฟ้ารั่ว ทำให้นายรพีพงศ์ถูกไฟชอร์ตอย่างจังเสียชีวิตในที่สุด

ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 ต.ค. ที่สถาบันนิติเวช ร.พ.ตำรวจ ดร.ธาริณี นามพิชญ์ อายุ 31 ปี อาจารย์คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภรรยานายรพีพงศ์ และญาติมารับศพนายรพีพงศ์ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า โดยพ.ต.อ.สมบูรณ์ ตันตระกูล แพทย์ผู้พิสูจน์ศพ ระบุว่า เสียชีวิตจากระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว อย่างไรก็ตามต้องรอผลจากห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมอีก 15 วัน

ดร.ธาริณีกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเพิ่งแต่งงานกับนายรพีพงศ์เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา กำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน หลังจากคบหากันมานานนับ 10 ปี ในวันที่เกิดเหตุสามีไปอบรมสัมมนาที่พัทยา เมื่ออบรมเสร็จตอนเย็นก็โทร.มาบอกว่ากำลังขับรถกลับบ้าน น่าจะถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 19.00 น. และบอกว่าเมื่อมาถึงจะรับไปกินข้าวนอกบ้าน ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ตั้งใจรอผู้เป็นสามีอยู่ที่บ้าน

ดร.ธาริณีกล่าวต่อว่า ต่อมาช่วงค่ำๆ ปรากฏว่ามีโทรศัพท์เบอร์ของสามีโทร.มา แต่ไม่ใช่เสียงของสามี บอกว่าให้ไปพบที่ สน.บางซื่อ เนื่องจากสามีถูกไฟฟ้าชอร์ต จึงรีบขึ้นรถแท็กซี่แล้วโทร.สอบถามรายละเอียดจาก 191 ปรากฏว่ามีเหตุการณ์จริง แล้วให้ประสานกับมูลนิธิแห่งหนึ่ง เมื่อประสานไปทราบว่าสามีอยู่ร.พ.ตำรวจ และบอกเพิ่มเติมว่าเสียชีวิตแล้ว จึงรีบรุดไปติดต่อที่ สน.บางซื่อ ก่อนไปดูศพสามีต่อที่ร.พ. ตอนแรกไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นสามีจนกระทั่งได้เห็นศพ

"ยอมรับว่าทำอะไรไม่ถูกเลย ตอนนี้ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาแล้ว สงสารแม่ของสามีด้วยเพราะเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว แม่หวังให้ดูแลเลี้ยงดูในยามแก่เฒ่า เงินประกันแลกไม่ได้กับชีวิตสามี ที่อนาคตถือเป็นอนาคตของครอบครัว ต่อไปต้องเป็นเสาหลักที่จะต้องดูแลลูก ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ ลูกในท้อง 3 เดือนต้องมาขาดพ่อไป สามีเห่อลูกคนนี้มากๆ เตรียมซื้อเสื้อผ้าไว้ให้ล่วงหน้า จะกินอะไรก็ให้กินที่มีประโยชน์ เพื่อลูกออกมาจะได้แข็งแรง เขาเป็นคนดี ร่าเริง ดีกับทุกคน ชอบพูดจาตลกให้อารมณ์ดี พยายามทำใจว่าคงเป็นเวรเป็นกรรมที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับครอบครัว ตอนเขาไปพัทยายังชวนไปด้วย แต่ไม่อยากไปเพราะแพ้ท้องอยู่ ก็กลับมาคิดว่าถ้าไปด้วยแล้วตายไปพร้อมกันก็ดี จะได้ไม่ต้องมาเสียใจแบบนี้" ดร.ธาริณีกล่าว

ดร.ธาริณีกล่าวต่อว่า เบื้องต้นนี้จะนำศพสามีไปตั้งสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 7 วัดเสมียนนารี โดยสวดบำเพ็ญกุศล 5 วัน ก่อนฌาปนกิจต่อไป หลังจากเสร็จพิธีศพจะปรึกษาภายในครอบครัว เรื่องฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่อไป

ร.ต.ท.แผน สวาสดินา พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางซื่อ เจ้าของคดี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้สอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งเป็นพนักงานของปั๊มที่เกิดเหตุไปแล้ว 2 คน ทั้งสองให้การตรงกันว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายมาใช้บริการที่ปั๊ม ก่อนจะจอดรถแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งขณะนั้นเกิดฝนตกหนัก และมีลมพัดแรงจนทำให้ตู้เติมลมล้มลงมาจนเกิดกระแสไฟฟ้ารั่ว ซึ่งจากนั้นผู้ตายก็ได้เดินกลับออกมาจากห้องน้ำเพื่อไปขึ้นรถ แต่เกิดลื่นล้มลงจนโดนไฟฟ้าดูด ซึ่งพนักงานทั้งสองคนก็พยายามจะเข้าไปช่วยแต่ผู้ตายเสียชีวิตก่อน ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา หรือสรุปว่าเกิดจากความประมาทของใคร อยู่ระหว่างสอบพยานในที่เกิดเหตุให้แน่ชัดอีกครั้ง รวมทั้งรอผลชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวชว่าผู้ตายเสียชีวิตเนื่องมาจากสาเหตุใด ก่อนจะสรุปว่าจะต้องดำเนินการตามกฎหมายกับใคร

เมื่อเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่จากกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง พร้อมเจ้าหน้าที่บริษัทปตท. เดินทางมาตรวจสอบปั๊มน้ำมัน ปตท.ที่เกิดเหตุ พบว่าทางปั๊มได้ยกตู้เติมลมที่ล้มออกไปแล้ว พร้อมกับนำป้าย "ขออภัยเครื่องขัดข้องงดใช้งาน" มาแขวนไว้ที่ตู้ที่เหลืออีก 2 ตู้ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 1 ชั่วโมง

นายธานินทร์ มุสิกวัตร เจ้าหน้าที่บริหารงานช่าง 7 กรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า เท่าที่ตรวจสอบและสอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุตู้เติมลมล้มลงมาทำให้เกิดไฟรั่วบนพื้น จากนั้นผู้ตายได้เดินมาขึ้นรถแล้วเหยียบไปบนฐานของตู้น้ำล้างมือ เพื่อจะหลบน้ำที่ท่วมพื้นอยู่ แต่เกิดลื่นล้ม ซึ่งคาดว่าจังหวะนั้นผู้ตายอาจจะล้มไปโดนตู้เติมลมที่ล้มอยู่ ทำให้โดนไฟดูดเสียชีวิต ทั้งนี้จากการตรวจสอบการติดตั้งตู้เติมลมของปั๊มพบว่ายังไม่ได้มาตรฐาน การยึดตู้กับฐานปูนนั้นใช้การเจาะรูที่พื้นแล้วใส่ท่อพลาสติกเบอร์ 7 ฝังลงไป ก่อนจะขันด้วยน็อตเพียง 4 ตัวเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วจะต้องฝังน็อตตัวผู้ให้ยึดติดแน่นกับฐานปูนเสียก่อนจะนำตู้มาวางทับแล้วขันน็อตให้แน่นอีกที นอกจากนี้ที่ด้านบนของตู้ยังติดตั้งป้ายบอกปริมาณลมที่รถแต่ละชนิดใช้เติม ซึ่งป้ายดังกล่าวเป็นตัวต้านลมอย่างดี หากโดนลมแรงพัดใส่ก็อาจจะทำให้ล้มลงได้และจากการตรวจสอบที่สวิตช์ตัดไฟอัตโน มัติหรือเบรกเกอร์ที่ใช้กับตู้เติมลม พบว่าเป็นลักษณะป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร แต่ไม่ได้ป้องกันไฟดูด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสังเกตตู้เติมลมที่เหลืออีก 2 ตู้นั้น นอตบางตัวเริ่มหลุดคลายขึ้นมาจากฐานอย่างเห็นได้ชัด สามารถใช้มือโยกได้ และยังไม่พบว่ามีการติดตั้งสายดินที่ตู้ทั้งหมดแต่อย่างใด ทั้งนี้จากการพูดคุยกับพนักงานคนหนึ่งในปั๊มทราบว่า ตู้เติมลมดังกล่าวเดิมเคยอยู่ด้านที่ใกล้กับศาลาจุดพักรถ ซึ่งเป็นจุดอับไม่ปะทะกับลมโดยตรง แต่ตอนหลังย้ายมาตั้งอยู่ในจุดปัจจุบัน ซึ่งเป็นจุดที่โปร่งรับกระแสลมเต็มๆ นอกจากนี้ต้นไม้ที่ปลูกอยู่ใกล้ๆ ตู้เติมลมก็เคยโค่นจากแรงลมมาแล้ว จนต้องมีการเสริมไม้ค้ำยันรอบต้นไม้ที่ปลูกอยู่ด้วย

นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วย กก.ผจก.ใหญ่การตลาดขายปลีก หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.รู้สึกเสียใจต่ออุบัติเหตุและการเสียชีวิตของนายรพีพงศ์เป็นอย่างยิ่ง ปตท.จะดูแลรับผิดชอบอย่างดีที่สุด ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุมีฝนตกหนักและพายุลมแรงมาก ทำให้เครื่องเติมลมยางล้มลงมา ประกอบกับมีน้ำท่วมขัง ช่วงเดียวกันนายรพีพงศ์มาใช้บริการสุขา และวิ่งผ่านบริเวณที่มีน้ำขังเพื่อกลับมาขึ้นรถ ช่วงนั้นเกิดอุบัติ เหตุล้มลงใบหน้ากระแทกลงในน้ำ พนักงานหน้าลาน 2 คน และพลเมืองดีวิ่งเข้าไปช่วยปฐมพยาบาล แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้

"ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ถือเป็นเหตุสุดวิสัยอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ปตท.ไม่ได้นิ่งนอนใจ จะดำเนินการตรวจสอบในสถานีบริการอื่นๆ อย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก" นายวิทยากล่าว

ด้านนายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหา วิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต้นสังกัดของนายรพีพงศ์ กล่าวว่า ตนจะไปร่วมพิธีศพ และจะหารือกับผู้อำนวยการของสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ว่าจะเข้าไปช่วยเหลือในส่วนใดบ้าง ซึ่งในส่วนของสวัสดิการของสถาบันนั้นมีระเบียบและหลักเกณฑ์รองรับผู้เสียชีวิตอยู่แล้ว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์