ใช้จู๋ศพคนตาย ต่อให้คนเป็นๆ

ฮือฮาแพทย์เมืองจีน ใช้ "จู๋" จาก ศพต่อให้คนเป็นๆ สำเร็จรายแรกของโลก

ชี้เป็นแนวโน้มในอนาคตที่จะใช้วิธีนี้กับคนไข้ที่อวัยวะเพศขาด หรือผู้หญิงที่อยากเป็นผู้ชาย ศัลยแพทย์ไทยเผยเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยให้ต่ออวัยวะเพศได้ดีขึ้น หากเก็บอวัยวะไว้ถูกต้องภายใน 6 ชั่วโมง เผยวิธีการใหม่ล่าสุด ยืดขนาดเจ้าโลกสำเร็จแล้ว 10 ราย ขยายได้ออกไป 3 นิ้ว

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ โรงพยาบาลราชวิถี ในการประชุมวิชาการกรมการแพทย์ ประจำปี 2551 น.พ.ธิติ เชาวนลิขิต แพทย์ประจำงานศัลยกรรมตกแต่ง กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์

บรรยาย เรื่อง "เมื่อรยางค์สิ้นสภาพ : การฟื้นฟูองคชาต" ว่า การแก้ไของคชาตที่มีรูปร่างและการทำงานไม่ปกติ เนื่องมาจากสาเหตุต่างๆ เช่น อวัยวะเพศเสียหายจากการโดนตัดทิ้ง การติดเชื้อจากการฉีดสารแปลกปลอมที่ทำให้อวัยวะมีขนาดโต บิด โค้งงอ เอียง และเพิ่มขนาดอวัยวะที่เล็กผิดปกติให้ยาวขึ้น และการสร้างอวัยวะเพศสำหรับเพศที่ 3 โดยเปลี่ยนจากหญิงเป็นชาย เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้ ในการขับถ่ายของเสียด้วยการปัสสาวะและสืบพันธุ์ได้เป็นปกติ

น.พ.ธิติ กล่าวต่อว่า สำหรับความผิดปกติ เนื่อง จากอวัยวะเกิดความเสียหาย จากถูกทำร้ายตัดองคชาตทิ้ง ในอดีตประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา

พบว่า ประเทศไทยมีอุบัติการณ์มากที่สุด แต่ปัจจุบัน 5-6 ปีมานี้ มีเหตุตัดอวัยวะทิ้งลดลง อีกทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์ช่วยให้ต่อติดอวัยวะเพศได้ดีขึ้น ซึ่งจะต้องเก็บอวัยวะเพศที่ถูกตัดแล้วนำมาต่อภายใน 6 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 12 ชั่วโมง อวัยวะเพศไม่สกปรก หรือช้ำมาก มีวิธีการจัดเก็บที่ถูกต้อง เหมือนกับการเก็บนิ้วที่ขาด โดยการนำอวัยวะเพศมาใส่ถุงพลาสติก โดยใช้ผ้าห่อไว้ ไม่ควรล้างน้ำหรือให้เปียก เพราะอาจทำให้เกิดการเปื่อยได้ จากนั้นนำมาใส่ถังที่มีน้ำแข็งและน้ำนำมาส่งแพทย์

"เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่ประเทศจีน มีการนำอวัยวะเพศชายจากศพมาตัดต่อในชายที่อวัยวะเพศขาดสำเร็จเป็นรายแรกของโลก ซึ่งแนวโน้มในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่า ผู้ที่ถูกตัดอวัยวะขาด หรือผู้หญิงที่อยากเป็นผู้ชายจะใช้วิธีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงด้านจริยธรรมและจะคุ้มหรือไม่ เนื่องจากผู้ที่ใช้วิธีการนี้จะต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกันเป็นจำนวนมากไปตลอด" น.พ.ธิติ กล่าว

น.พ.ธิติ กล่าวว่า ในชายไทยจะพบความผิดปกติองคชาตโค้งงอ ผิดรูป ทุกกรณี 1 ต่อ 100 คน

ส่วนใหญ่จะมารักษาในอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป หากโค้งงอหรือเอียง 20-30 % จะยังใช้งานได้ตามปกติ ในรายที่มีความผิดปกติโค้งงอ 45 % ขึ้นไปมักจะมาพบแพทย์ และเคยตรวจโค้งงอ 100% สาเหตุส่วนใหญ่จะเกิดจากอุบัติเหตุ เช่น มีเพศสัมพันธ์ หรือช่วยตัวเองอย่างรุนแรง จนทำให้ปอกของเนื้อเยื่อ ที่ทำให้อวัยวะเพศขยายตัวฉีกขาด แต่ไม่ถึงกับหัก มีเพียงรอยแผลและเกิดเป็นแผลเป็น นอกจากนั้นมีจำนวนเล็กน้อยที่เกิดจากผลข้างเคียงจากการรับประทานยาลดความดัน ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์เมื่อใช้งานไม่ได้ ส่วนการรักษานั้น ในรายที่ไม่รุนแรงสามารถกลับมาเป็นปกติได้เอง 70-80% โดยการใช้ยารักษาก็หายได้ แต่ในรายที่รุนแรงก็จำเป็นที่จะต้องผ่าตัดแก้ไขรูปทรง

น.พ.ธิติ กล่าวว่า ยังพบว่า กลุ่มที่มีความผิดปกติมากที่สุด คือ กลุ่มวัยรุ่น จะมารักษาหลังจากการฉีดสารปลอมแปลง

เช่น ฉีดน้ำมันมะกอก หรือสารอื่นๆ ที่เชื่อว่าจะทำให้มีอวัยวะเพศที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่เกิดการติดเชื้อ ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องผ่าตัดเพื่อลอกบริเวณชั้นผิวหนังที่เกิดการติดเชื้อออกทั้งหมด แล้วนำหนังที่อัณฑะมาหุ้มแทน ทำให้สามารถใช้งานได้ปกติ แต่อาจมีรูปร่างและผิวสัมผัสไม่เหมือนเดิม น.พ.ธิติ กล่าวอีกว่า กลุ่มที่มาพบแพทย์บ่อยอีกกลุ่ม คือ ขอแก้ไขอวัยวะเพศที่มีขนาดเล็กผิดปกติ ซึ่งบางครั้งก็ไม่ผิดปกติแต่เกิดความไม่มั่นใจ โดยในรายที่ผิดปกติจริงๆ จะพบว่ามีขนาดเล็กเพียง 4 เซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งขณะที่ทางการแพทย์มีวิธีการใหม่ล่าสุดในการขยายยืดขนาดอวัยวะเพศ โดยการผ่าตัดสร้างเนื้อเยื่อ จากเซลล์ในถุงอัณฑะ โดยการใช้ไหมละลายสร้างเป็นโครง ซึ่งสามารถขยายยืดอวัยวะเพศได้ประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งทำให้มีขนาดเท่ากับคนปกติ ทั้งนี้ ต้องผ่านการวิเคราะห์ทางจิตโดยได้รับการรับรองจากจิตแพทย์ และอธิบายขั้นตอนวิธีการอย่างละเอียดด้วย

น.พ.ธิติ กล่าวว่า ขณะนี้มีร.พ.ปิยะเวท ร.พ.จุฬาฯ ร.พ.เลิดสิน ที่วิจัยเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ โดยวิธีการสร้างเนื้อเยื่อจากเซลล์ในถุงอัณฑะ และโครงการผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการจริยธรรมในมนุษย์แล้ว

ขณะนี้มีการเพิ่มขนาดไปแล้ว 10 คน ซึ่งกลุ่มคนกลุ่มนี้ ต้องการเพิ่มขนาด เนื่องจากขาดความมั่นใจมีปมด้อย แม้ว่าจะมีอวัยวะเพศไม่เล็กผิดปกติ คือประมาณ 3 นิ้วถึง 3 นิ้วครึ่ง ซึ่งในหลายประเทศมีการให้บริการศัลยกรรมเพื่อความงาม เช่น จีน เกาหลี ยุโรปตะวันออก ซึ่งในประเทศแถบสแกนดิเนเวียน ให้สิทธิประกันสุขภาพสามารถแก้ไขปัญหาอวัยวะที่มีขนาดเล็กได้ ขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีความชันเจนนัก ซึ่งหากโครงการนี้ผ่านขั้นตอนการวิจัย ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะแล้วเสร็จ แต่การผ่าตัดลักษณะนี้มีราคาสูงมาก โดยเป็นค่าอุปกรณ์ 6 หมื่นบาท ไม่รวมค่าผ่าตัดอีกประมาณ 1 แสนบาท

น.พ.ธิติ กล่าวว่า แนวโน้มการผ่าตัดแปลงเพศของหญิงเป็นชายขณะนี้ลดน้อยลง

โดยจะผ่าตัดเต้านมทิ้งอย่างเดียว ส่วนรายที่ต้องการแปลงเพศ ก็จะหันไปใช้วิธีการผ่าตัดเทคนิคเดิม คือ การดึงคริสตอริส และนำเนื้อบริเวณหน้าขามาแปะให้คล้ายองคชาต ซึ่งทำให้มีความรู้สึกทางเพศ ต่างจากวิธีใหม่ ที่เน้นการทำให้มีขนาดใหญ่เหมือนผู้ชายจริงๆ แต่จะไม่มีความรู้สึกทางเพศ

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์