สาวขึ้นทางด่วน ควักจ่าย1.4หมื่น

จนท.เก็บเงินมอเตอร์เวย์งง สาวขับฮอนด้าแจ๊ซ สีชมพู จ่ายค่าผ่านทางเป็นปึก รวม 14,510 บาท

แล้วโบกมือให้จนท.ไม่เอาเงินทอน ขับต่อไป ทั้งที่จ่ายเงินเกินไปถึง 14,480 บาท กรมทางหลวง ประสานวิทยุสวพ.91 ประกาศตามหาญาติ จากเลขทะเบียนรถที่เห็นจากกล้องวงจรปิดทางด่วน ล่าสุดพี่ชายมาแสดงตัวระบุคนขับรถเป็นน้องสาว มีอาการทางประสาท เตรียมนำหลักฐานไปรับเงินคืนจากการทางพิเศษฯ

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. รายงานข่าวจากสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.เอฟเอ็ม 91 แทรฟฟิก โปร (Traffic Pro) คลื่นเพื่อข่าวสารความปลอดภัยและจราจร กองตำรวจสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. นายมนูญ ชัยโยธา เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ 2 ด่านเก็บค่าผ่านทาง ลาดกระบัง ทางหลวงระหว่างเมือง มอเตอร์เวย์ หรือทางหลวงหมายเลข 7 ได้โทรศัพท์เข้ามายังหมายเลข 1644 ของทางสถานี เพื่อประชาสัมพันธ์ติดตามหาเจ้าของหรือบุคคลที่รู้จักผู้หญิงที่ขับขี่รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ให้ติดต่อกลับเจ้าหน้าที่ประจำด่านลาดกระบัง เพื่อติดต่อขอรับเงินส่วนที่เกินจากค่าผ่านทาง จำนวน 14,480 บาท คืน

ทั้งนี้ นายมนูญแจ้งว่า เมื่อเวลา 16.43 น. วันที่ 27 ก.ค. มีรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า แจ๊ซ สีชมพู หมายเลขทะเบียน ศท-3345 กทม. ขับรถเข้าช่องชำระค่าผ่านทาง ที่ 10 ประจำด่านลาดกระบัง ทางหลวงระหว่างเมือง มุ่งหน้าเข้า กทม.

หญิงผู้ขับขี่ส่งเงินหนึ่งปึกเป็นค่าผ่านทางให้กับเจ้าหน้าที่ประจำด่าน มี น.ส.สุวรรณา ปานโต ทำหน้าที่เป็นพนักงานเก็บเงิน ตรวจสอบพบว่าเป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท 100 บาท 50 บาท และฉบับละ 20 บาท จึงได้เรียกให้หยุดเพื่อคืนเงินสดส่วนที่เกิน แต่หญิงผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวกลับโบกมือให้พร้อมกับเร่งเครื่องขับรถตรงเข้า กทม.


ต่อมาน.ส.สุวรรณา ได้วิทยุแจ้งห้องควบคุมคอม พิวเตอร์ เพื่อตรวจความชัดเจนของหมายเลขทะเบียนรถยนต์จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด

ซึ่งภาพเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้พบว่า หญิงผู้ขับขี่และผู้โดยสารภายในรถยนต์คันดังกล่าว เป็นผู้หญิงทั้ง 2 คน จากการตรวจนับเงินมีจำนวนทั้งสิ้น 14,510 บาท เมื่อหักค่าผ่านทางที่ต้องชำระ จำนวน 30 บาท เป็นเงินส่วนที่จ่ายเกินมา 14,480 บาท เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดเก็บรายได้ สำนักงานทางหลวงพิเศษฯ จึงประกาศติดตามหาผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวหรือบุคคลที่รู้จักให้มารับเงินจำนวน 14,480 บาท กลับคืน ผ่านทางสถานีในวันที่ 28 ก.ค.

นายมนูญ กล่าวว่า หลังจากทางสถานีประกาศหาตัวผู้ขับรถคันดังกล่าว ได้มีคนติดต่อกลับมา คือ น.ส.ปาลิดา นภัสลาภิศ อายุ 38 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 21/1 หมู่ 4 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม. ระบุว่า เป็นผู้ถือครองกรรมสิทธ์รถยนต์คันดังกล่าว พร้อมกับเปิดเผยว่าผู้ที่ขับรถคันดังกล่าว คือ น.ส.วรางค์อร บำรุงพืช อายุ 30 ปี น้องสาวสามี ได้ขอยืมรถไปเที่ยวพัทยากับเพื่อน ไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายเผชิญ หุนตระนี หัวหน้าฝ่ายจัดเก็บรายได้ สำนักงานทางหลวงพิเศษฯ กล่าวว่า ขณะนี้เงินสดจำนวน 14,480 บาท ที่เกินมานั้น ได้ลงบันทึกและเก็บรักษาไว้ เพื่อรอญาติหรือเจ้าของมาแสดงตัว สำหรับผู้ที่เป็นญาติสามารถนำเอกสาร บัตรประจำตัวประชาชนผู้ขับขี่รถยนต์วันเกิดเหตุ เอกสารการยืนยันอาการของผู้ขับขี่ รวมทั้งรถ มาขอติดต่อรับเงินได้ที่อาคารสำนัก งานด่านลาดกระบัง ได้ทุกวัน

นายเผชิญ กล่าวว่า ล่าสุดขณะนี้เราสามารถติดต่อกับทางญาติของ น.ส.ปาลิดา ได้แล้วโดยทางสวพ.91 เป็นผู้ประสานกับพี่ชาย

ซึ่งก็ได้แจ้งให้ทราบว่า สามารถมารับเงินจำนวนดังกล่าวคืนได้ทุกวัน ที่อาคารสำนักงานด่วนลาดกระบัง ต่อมาได้มีนายบงกชธร บำรุงพืช อายุ 37 ปี เข้าพบผู้สื่อข่าว และเปิดเผยว่า เป็นสามีของน.ส.ปาลิดา ทราบเรื่องที่น้องสาวจ่ายเงินค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์เกินไปกว่า 1 หมื่นบาท จากทางสถานนีสวพ. 91 คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากน้องสาวของตน ซึ่งป่วยทางประสาทเป็นโรคเครียด ระยะหลังไม่ยอมทานยาตามแพทย์สั่ง ทำให้เกิดอาการเบลอ ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่สำนักงานทางหลวงพิเศษฯ มอเตอร์เวย์ รวมถึง สวพ.91 ที่ช่วยเป็นสื่อกลางในครั้งนี้ และจะนำหลักฐานไปรับเงินจากการทางพิเศษต่อไป

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์