ผศ.รับแล้ว คดีหื่นนศ. ถึงให้ออก

อธิการม.อุบลฯเผยผลสอบผศ. หื่น ให้การรับสารภาพ
 
ชี้มีโทษถึงให้ออกจากราชการ เพราะเคยก่อเรื่องแบบนี้มาแล้วแต่ไม่มีหลักฐานชัด จึงโดนแค่ภาคทัณฑ์ ขณะที่ป.ป.ช.รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว โทษฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้ซึ่งประโยชน์อื่นใด ขณะที่กระทรวงศึกษาฯเตือนทุกมหาวิทยาลัยห้ามน.ศ.หญิงพบอาจารย์ในห้องพัก ไม่เชื่อไม่รับรองวิทยฐานะ พร้อมเตรียมสอบหาตัวอาจารย์ที่โทร.ขู่น.ศ.สาวด้วย ด้านม.เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 5 แห่ง สั่งห้ามไม่ให้อาจารย์ชาย อยู่เพียงตามลำพังกับลูกศิษย์สาวในห้องพักหรือที่ลับตาคน และหากเปิดรับอาจารย์จะตรวจสอบประวัติของอาจารย์อย่างละเอียด

จากกรณีนายจักรฤทธิ์ อุทโธ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

เรียกนักศึกษาสาวชั้นปี 3 ไปพบในห้องพักครู แล้วลวนลาม แต่นักศึกษาสาวรายนี้ทราบพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลมาก่อน จึงแอบซ่อนกล้องไว้ในกระเป๋าถือ ถ่ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนใช้เป็นหลักฐานให้พนักงานสอบสวนสภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ขณะที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยสั่งพักราชการนายจักรฤทธิ์ทันที พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนวินัยขั้นร้ายแรง ต่อมานายจักรฤทธิ์พร้อมทนายความ เข้ามอบตัวต่อตำรวจ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขอไปให้การในชั้นศาล ตามที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. พ.ต.ท.ปรัชญา คงสกุล รองผกก.สส.สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า
 
ขณะนี้สอบปากคำพยานที่เป็นเพื่อนของผู้เสียหายหมดทุกปากแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเอกสารเกี่ยวกับการภาคทัณฑ์ และผลการสอบทางวินัยของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เพื่อใช้ประกอบสำนวนการส่งฟ้อง เมื่อได้เอกสารมาครบถ้วน จะสามารถส่งฟ้องได้ภายในเดือนก.ค.นี้


ด้าน ศ.ดร.ประกอบ วิโรจนกูฏ อธิการบดีมหาวิทยา ลัยอุบลราชธานี กล่าวถึงผลการสอบนายจักรฤทธิ์ว่า

นายจักรฤทธิ์ให้การรับสารภาพว่ากระทำจริง คาดว่ามีโทษถึงให้ออกจากราชการ เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจนเพียงพอ จึงถูกลงโทษเพียงภาคทัณฑ์ ด้านการคุ้มครองนักศึกษาที่กล้าออกมาเปิดเผย ทางคณะศิลปศาสตร์จัดรถรับส่งนักศึกษาระหว่างเดินทางมาเรียน และกลับบ้านพักให้ด้วย

ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า
 
ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว เห็นว่าการที่นายจักรฤทธิ์ ซึ่งได้รับมอบหมายจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ให้รับผิดชอบในการสอน อธิบายรายละเอียด และบรรยาย รวมถึงการประเมิน พิจารณา และให้คะแนนแก่นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชาหนึ่ง ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้นักศึกษาสาวผู้หนึ่งยินยอมให้ตนคบหาทางชู้สาวและมีเพศสัมพันธ์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการให้เกรดในรายวิชาที่ตนเป็นผู้สอน แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะยังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับนักศึกษาสาวผู้นั้นก็ตาม

นายกล้านรงค์กล่าวต่อว่า
 
การกระทำของผู้ถูกกล่าวหา นอกจากจะเป็นการกระทำอนาจารกับนักศึกษาแล้ว ยังเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจ เพื่อให้บุคคล ใดมอบให้ซึ่งประโยชน์อื่นใดแก่ตนตามมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายอาญาด้วย คณะกรรมการป.ป.ช.จึงมีมติรับเรื่องนายจักรฤทธิ์ไว้พิจารณา โดยให้ส่งเรื่องไปให้พนักงานสอบสวนสภ.วารินชำราบ ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ฉบับที่ 31 ข้อ 6 ต่อไป

นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า

จากเหตุการณ์ลวนลามนักศึกษา เพื่อเป็นบรรทัดฐาน เพราะผู้ที่กระทำแบบนี้ไม่สมควรที่จะมาเป็นอาจารย์อีกต่อไป จึงหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) แล้วว่า คงจะไม่ต้องไปแก้กฎหมายข้อใด สามารถดำเนินการได้ทันที สำหรับผู้ที่ไม่มีตำแหน่งทางวิชาการ สกอ.จะขึ้นบัญชีดำด้วย อยากให้สกอ.มหาวิทยาลัย และครู อาจารย์ ประสานงาน โดยให้ข้อมูลกับป.ป.ช. เนื่องจากการกระทำในลักษณะแบบนี้ เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่หรือสถานที่โดยมิชอบ ถือเป็นความผิดตามกระบวนกฎ หมายอาญา มาตรา 157 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มีโทษจำคุกตลอดชีวิต

นายวัฒนากล่าวต่อว่า

กระทรวงศึกษาธิการฝากให้สภามหาวิทยาลัยทุกแห่ง ออกกฎเกณฑ์ให้แบ่งเขตระหว่างอาจารย์กับนักศึกษาอย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรม เช่น หากอาจารย์ต้องการจะพบนักศึกษาหญิง จะต้องมีสถานที่ที่จัดให้โดยเฉพาะ ไม่ให้ไปพบกันในห้องพักของอาจารย์ผู้ชาย เป็นต้น หากไม่กำหนดกฎเกณฑ์หรือรูปแบบอย่างชัดเจน ทางกระทรวงศึกษาธิการอาจจะพิจารณาไม่รับรองวิทยฐานะของสถาบันนั้น จากเดิมวิทยฐานะจะรับรองเฉพาะหลักสูตร นอกจากนี้ยังฝากให้สภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ตรวจสอบว่ามีอาจารย์ใดบ้างที่โทรศัพท์ไปข่มขู่นักศึกษา หากพบว่ากระทำจริง จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนและดำเนินการทันที

ด้านนายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการกกอ. กล่าวว่า

กรณีถึงข้อเสนอให้ สกอ.ช่วยดูว่าเมื่ออาจารย์กระทำผิดร้ายแรง และลงโทษทางวินัยแล้ว น่าจะถอดถอนตำแหน่งทางวิชาการของบุคคลดังกล่าวด้วย เพื่อที่จะได้ไม่สามารถไปเป็นอาจารย์ได้อีกนั้น ส่วนตัวเห็นว่าถึงแม้จะไม่ถอดถอนตำแหน่งทางวิชาการ แต่ในความเป็นจริงๆ แล้วถ้าข้าราชการอุดมศึกษากระทำผิดร้ายแรงและลงโทษทางวินัยร้ายแรง คือไล่ออก หรือปลดออก ถือว่าขาดคุณสมบัติของการเป็นอาจารย์ ไม่สามารถจะกลับมารับราชการอยู่แล้ว รวมทั้งยังเป็นชนักติดตัว ที่จะไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครอยากรับเข้าทำงาน

รศ.ดร.วินิจ โชติสว่าง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จ.นครราชสีมา กล่าวว่า

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน รับผิดชอบดูแลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 5 แห่ง ประกอบด้วยนครราชสีมา ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สุรินทร์ และสกลนคร สั่งการให้มหาวิทยาลัยในสังกัดห้ามไม่ให้อาจารย์ผู้ชายของมหาวิทยาลัย อยู่เพียงตามลำพังกับลูกศิษย์สาวภายในห้องพักอาจารย์ หรือตามสถานที่ที่ลับตาคน หากจะพบกันควรจะนัดพบกันตามที่ที่มีคนอื่นอยู่ด้วย นอกจากนี้การเปิดรับอาจารย์ทางมหาวิทยาลัยจะตรวจสอบประวัติของอาจารย์ทุกคนอย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์