ลูกชายเจ้าของตลาดดังเชียงใหม่ร้องพ่อแม่ถูกมาเฟียอุ้ม

ลูกชายเจ้าของตลาดดังสันทราย จ.เชียงใหม่ แจ้งความพ่อแม่-น้องสาวถูกอุ้มหายลึกลับเมื่อ 3 วันก่อน อ้างโทรถามทหารอดีตผู้ดูแลตลาดยอมรับอุ้มมาให้เซ็นโอนกิจการตลาดมูลค่าร่วม 200 ล้านบาท ล่าสุด 3 พ่อแม่ลูกเข้าพบตำรวจยันปลอดภัยดี เผยเหตุหนีจากบ้านเพราะลูกชายทำร้ายบังคับให้แบ่งสมบัติ

 เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 19 มิถุนายน นายโชดก สุจินดา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 ซอย 8  ถนนโชตนา ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.อนุสรณ์ สินธุ์เทียม พนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก ว่า นายยงยุทธ สุจินดา อายุ 72 ปี นางปิ่นอนงค์ สุจินดา อาย 65 ปี และ น.ส.สุชาดา สุจินดา อายุ 31 ปี บิดามารดาและน้องสาว ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการตลาดสดสามแยก ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ถูกแก๊งมาเฟียทหารอุ้มหายไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา


 นายโชดกให้การว่า
 
ครอบครัวเปิดกิจการตลาดสามแยกมานานกว่า 50 ปี จนเป็นที่รู้จักของชาวเชียงใหม่ โดยปัจจุบันมีบิดาเป็นเจ้าของ และก่อนหน้านี้มี พ.ท.ผดุง วุฒิเอ้ย นายทหารหน่วยงานหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ และนายเกษม ปาระมีศิลปขจร เป็นผู้ดูแลมานานหลายปี แต่ระยะหลังพบว่านายทหารคนดังกล่าวได้ยักยอกเงินไปกว่าแสนบาท จึงเลิกให้มาเป็นผู้ดูแลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ส่วนเรื่องเงินที่หายไปทางครอบครัวไม่ติดใจเอาความ


 นายโชดกให้การต่อว่า

ต่อมาเวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 17 มิถุนายน บิดา มารดาและน้องสาวได้ขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ ทะเบียน ษฐ 6756 กรุงเทพมหานคร ออกจากบ้าน เพื่อส่งบิดาไปโรงพยาบาลลานนาตามแพทย์นัด แต่หลังจากนั้นก็หายตัวไปและไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์มือถือได้ ทำให้สงสัยว่าการหายตัวไปของคนในครอบครัวจะเป็นฝีมือของพ.ท.ผดุง จึงพยายามติดต่อ กระทั่งวันที่ 18 มิถุนายน ได้คุยกับ พ.ท.ผดุง ซึ่งยอมรับว่าบิดา มารดาและน้องสาวอยู่ในความดูแล และจะปล่อยตัวกลับบ้านเมื่อบิดายอมเซ็นโอนกิจการตลาดสดรวมทั้งที่ดินให้เสียก่อน หลังจากนั้นจึงเข้าแจ้งความ เพื่อให้ตำรวจติดตามหาตัวทั้งสามคนกลับมาอย่างปลอดภัย


 นายโชดกกล่าวว่า
 
กิจการตลาดสามแยกของครอบครัว มีที่ดินรวมประมาณ 6 ไร่ มูลค่าประเมินสูงถึง 150-200 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการเช่าที่ขายแต่ละปีมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้บิดายังไม่สามารถโอนที่ดินให้ได้ เนื่องจากต้องใช้บัตรประชาชนตัวจริงซึ่งอยู่ที่บ้าน จึงต้องร้องขอให้ตำรวจเร่งติดตามเพื่อความปลอดภัยของคนในครอบครัว


 ร.ต.ท.อนุสรณ์กล่าวว่า

เบื้องต้นได้รับแจ้งความคนหายเอาไว้ก่อน โดยจะมีการออกประกาศคนหายตามระเบียบ พร้อมทั้งแจ้งไปยังฝ่ายสืบสวนให้ออกติดตามในสถานที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นที่หน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคลทั้งสาม โดยจะประสานงานไปยังท้องที่อื่นๆ ขณะเดียวกันจะพยายามติดต่อไปยังผู้ที่ถูกกล่าวอ้าง เพื่อสอบปากคำ


 ล่าสุด เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 19 มิถุนายน นายเกษม ปาละมีศิลปขจร ทนายความผู้ดูแลผลประโยชน์ให้ นายยงยุทธ และนางปิ่นอนงค์ พร้อมด้วย พ.ท.ผดุง วุฒิเอ้ย ได้เข้าให้ปากคำต่อ ร.ต.ท.อนุสรณ์ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีนายโชดกในข้อหาแจ้งความเท็จและยักยอกทรัพย์


 นายเกษมกล่าวว่า
 
เข้ามาดูแลผลประโยชน์ของครอบครัวสุจินดานานกว่า 4 ปีแล้ว กรณีที่นายโชดกเข้าแจ้งความต่อ สภ.ช้างเผือก โดยกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์ของครอบครัวไม่เป็นความจริง แต่ที่ผ่านมามีการตรวจสอบพบว่า นายโชดก ซึ่งมีหน้าที่เก็บเงินและดูแลบัญชีรายได้ของตลาดสดสามแยกสันทราย ได้ยักยอกเงินรายได้รวม 32 เดือน เป็นเงินมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท นำไปใช้ส่วนตัว 


 นายเกษมกล่าวอีกว่า
 
ระยะหลังๆ นายยงยุทธ ซึ่งป่วยเดินไม่ได้ และนางปิ่นอนงค์ ได้โอนทรัพย์สินไปให้ น.ส.สุชาดา เป็นคนดูแลแทน ทำให้นายโชดกโกรธแค้นที่ไม่ได้อะไรจากพ่อแม่ อีกทั้งพยายามบังคับขอแบ่งทรัพย์สมบัติ แต่เมื่อถูกปฏิเสธ นายโชดกก็ถึงกับทำร้ายร่างกายพ่อแม่ และใช้ปืนไล่ยิงแม่และน้องสาว หลังเกิดเหตุ น.ส.สุชาดาเกรงว่า หากยังอยู่บ้านหลังเดียวกับพี่ชาย พ่อแม่และตัวเองอาจจะได้รับอันตราย จึงตัดสินใจพาพ่อและแม่หนีออกจากบ้านไปกบดานในบ้านพักหลังหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อนายโชดกไม่สามารถติดต่อใครได้ จึงวางแผนแจ้งความเท็จดังกล่าว


 ปรากฏว่า เมื่อกระแสข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นถูกสื่อมวลชนออกมาตีแผ่ ทั้งสามพ่อแม่ลูกจึงติดต่อประสานขอความช่วยเหลือไปยัง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ก่อนจะเดินทางมาแจ้งความที่ สภ.แม่ปิง เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 19 มิถุนายน ว่าไม่ได้ถูกบังคับหรือถูกอุ้มแต่อย่างใด หลังเข้าแจ้งความแล้ว ตำรวจได้นำสามพ่อแม่ลูกไปอยู่ในที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทั้งสามคนกำลังปรึกษาหารือเพื่อแจ้งความดำเนินคดีนายโชดก


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์