กลุ่มกะเทยโผล่กรีด เชียร์ตัดไข่ ฉะกล่มเกย์จุ้นจ้าน

กลุ่มกะเทยแถลงยันตัดไข่เป็นการบำบัดรักษาอย่างหนึ่ง อ้างผลวิจัยองคการอนามัยโลกระบุกะเทยถือว่าเป็นกลุ่มที่ป่วยเป็นโรค ต้องบำบัดด้วยฮอร์โมน หรือการผ่าตัดแปลงเพศ ฉะนั้นการผ่าตัดลูกอัณฑะก็ถือว่าเป็นการบำบัดด้วยฮอร์โมนเช่นกัน โวยลั่นแพทยสภาจะจำกัดอายุเด็กผ่าไข่ ยันไม่เป็นธรรม เพราะละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานด้านการรักษาพยาบาลของมนุษย์ จี้แพทยสภาให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่ชัดเจนถึงข้อดีข้อเสียของการตัดลูกอัณฑะจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะได้เป็นข้อมูลให้กะเทยตัดสินใจ จวกซ้ำกลุ่มเกย์การเมืองวุ่นไม่เข้าเรื่อง เพราะกลุ่มกะเทยกับกลุ่มเกย์เป็นคนละกลุ่มกัน ไม่ควรมาก้าวก่าย

จากกรณีที่มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบคลินิกศัลยกรรมบางแห่งรับผ่าตัดลูกอัณฑะบรรดากะเทยที่อายุต่ำกว่า 18
ปี

จนล่าสุดกองประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข เข้าตรวจภายในประตูน้ำโพลีคลินิก ซึ่งน.พ.เทพ วิสิษฐ เจ้าของคลินิกออกมายอมรับว่ามีการผ่าลูกอัณฑะกะเทยจริง แต่ไม่มีเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และยังระบุว่าตลอด 4 ปีมานี้ผ่าอัณฑะกะเทยมาแล้วกว่า 500 คน ส่วนแพทยสภาระบุว่าการผ่าตัดอัณฑะเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะถือว่าผิดกฎหมายชัดเจน และกำลังพิจารณาว่าการผ่าตัดอัณฑะผู้ที่บรรลุนิติ ภาวะแล้วนั้นต้องมีการตรวจสอบสภาพจิตใจของคนไข้ด้วยว่าพร้อมเป็นผู้หญิงหรือไม่ เหมือนกับการผ่าตัดแปลงเพศ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 29 มี.ค.

ที่สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประ เทศไทย อาคารเดอะบีช เรสซิเด้น ถนนรัชดา นายกิตตินันท์ ธรมธัช นายกสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย นายยลลดา เกริกก้อง สวนยศ ประธานกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาชิกเครือข่ายกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศ แถลงข่าวกรณีนายนที ธีระโรจนพงษ์ ผอ.กลุ่มเกย์การเมืองไทย ยื่นหนังสือต่อแพทยสภาเพื่อให้ยับยั้งการผ่าตัดลูกอัณฑะในเด็กชาย รวมทั้ง กำหนดกฎหมายเพื่อห้ามการกระทำดังกล่าว

นายยลลดากล่าวว่า

หลังจากที่ข่าวการตัดลูกอัณฑะของเด็กชายตกเป็นข่าวตามหน้าหนังสือ พิมพ์จนได้รับความสนใจจากสังคมเป็นจำนวนมาก มีการพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันไปหลายอย่าง โดยกลุ่มของพวกตนคิดว่าบางข่าวก็เป็นเรื่องจริง แต่บางข่าวก็เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะเป็นการออกมาให้ข่าวด้านเดียว โดยกลุ่มของตนซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่มีโอกาสได้ออกมาชี้แจง ดังนั้นเพื่อให้เป็นการให้ข้อมูลในอีกทางหนึ่งจึงได้จัดแถลงข่าวครั้งนี้ขึ้น เพื่อจุดประสงค์ 2 ประเด็น ก็คือ 1.ต้องการที่จะกู้ศักดิ์ศรีของกลุ่มกะเทยทั้งเด็กและผู้ใหญ่กลับคืนมา เพราะหลังตกเป็นข่าวมีการใช้ถ้อยคำเหมือนดูถูกเหยียดหยามคนกลุ่มนี้ว่าเป็นกลุ่มคนที่วิปริต ผิดเพี้ยน หรือโง่ ที่ผ่าตัดเอาอัณฑะออกไป ทั้งที่มีก็ดีอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการเข้าใจผิดของสังคม และประเด็นที่ 2 ก็คือในกรณีที่แพทยสภาพเตรียมที่จะออกกฎหมายกำหนดอายุในการอนุญาตผ่าตัดแปลงเพศ หรือผ่าตัดอัณฑะ โดยที่ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศหรือกลุ่มกะเทยอย่างพวกตนเลย

นายยลลดากล่าวต่อว่า

ในประเด็นแรกที่เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของกลุ่มหญิงข้ามเพศนั้นตนอยากชี้แจงว่า หลังที่มีข่าวออกมามีการใช้คำพูดที่ไม่น่าฟัง เช่น ตุ๊ดเด็ก แต๋ววัยกระเตาะ วิปริต หรืออะไรก็ตามที่อยากจะไปตัดอัณฑะออก ซึ่งทำให้สังคมมองพวกตนว่าเป็นพวกตลกโง่ที่คิดจะทำในเรื่องนี้ ทั้งที่จริงๆ แล้ว กลุ่มของพวกตนเป็นกลุ่มที่มีสังคมอย่างกว้างขวางมานาน แล้ว และเรื่องของการผ่าตัดอัณฑะ หรือผ่าตัดแปลงเพศ เป็นเรื่องที่มีการหยิบยกขึ้นมาคุยกันมากโดยเฉพาะบนหน้าเว็บไซต์ที่เป็นสังคมพูดคุยของกลุ่มกะเทย โดยมีการสืบหาข้อมูล และข้อเท็จจริง ทั้งบทความทางวิชาการแพทย์ และความรู้อื่นๆ นำมาแลกเปลี่ยนพูดคุย รวมทั้งปรึกษาหารือกันมานาน ไม่ใช่ว่าทำตามแฟชั่นอย่างที่ถูกเข้าใจ ทั้งนี้ตนอยากชี้แจงว่าการเป็นกะเทยกับเกย์นั้นถือว่าเป็นคนละกลุ่มคนกัน

นายยลลดากล่าวว่า

จากข้อมูลทางวิชาการได้แบ่งกลุ่มผู้ที่มีระบบความหลากหลายทางเพศออกเป็น 4 กลุ่มด้วยกัน คือ
 1.เกย์ หรือกลุ่มชายรักชาย
2.กลุ่มเลสเบี้ยน หรือหญิงรักหญิง
3.กลุ่มไบเซ็กชวล หรือได้ทั้งสองเพศ
และกลุ่มสุดท้ายก็คือกลุ่มหญิงข้ามเพศ หรือกลุ่มผู้ชายที่มีจิตใจเป็นผู้หญิง หรือกลุ่มกะเทยเหมือนพวกตน

ซึ่งในกลุ่มนี้จากผลวิจัยทางจิตวิทยาของสหรัฐอเมริกาและกรมอนามัยโลกมีเอกสารระบุชัดเจนว่าถือว่าเป็น กลุ่มที่ป่วยเป็นโรคชนิดหนึ่ง ซึ่งจะต้องได้รับการรักษา มีทั้งการบำบัดด้วยฮอร์โมน หรือการผ่าตัดแปลงเพศ และการผ่าตัดลูกอัณฑะก็ถือว่าเป็นการรักษาด้วยวิธีบำบัดด้วยฮอร์โมนเช่นกัน เพราะหลังการผ่าตัดแล้วจะต้องมีการใช้ยาฮอร์โมนร่วมด้วย ที่ผ่านมาในกลุ่มของตนยังไม่พบว่ามีเด็กอายุน้อยๆ ไปผ่าตัดลูกอัณฑะเลย ดังนั้นหากการเป็นกะเทย ถือว่าเป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยก็ควรที่จะได้รับการรักษา และหากสามารถรักษาได้โดยเร็วก็จะทำให้เขามีชีวิตที่สมบูรณ์ดีขึ้น

"การที่คุณนทีออกมาเสนอให้ยุติการตัดลูกอัณฑะโดยไม่มีเงื่อนไขนั้น พวกเราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง รวมไปถึงการที่แพทยสภาเตรียมที่จะออกกฎหมายและเอาอายุมาเป็นเกณฑ์ในการอนุญาตให้ทำหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่คิดว่าไม่น่าจะถูกต้อง เพราะหากกลุ่มบุคคลข้ามเพศได้ถูกระบุจากองค์การอนามัยโลก และสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกาว่าเป็นกลุ่มที่เป็นโรคชนิดหนึ่ง หากการตัดลูกอัณฑะเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาด้วยฮอร์โมน ถือว่าเป็นการบำบัดรักษาแล้วก็ไม่ควรใช้เกณฑ์อายุมาตัดสิน เพราะยิ่งรักษาเร็วก็ถือว่าการรักษาจะได้ประสิทธิภาพมากกว่า และหากคุณนทียังออกมาบอกว่าห้ามตัดลูกอัณฑะโดยไม่มีเงื่อนไข จึงถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานด้านการรักษาพยาบาลของมนุษย์อีกด้วย" นายยลลดากล่าว

นายยลลดากล่าวต่อว่า

กลุ่มของตนอยากจะให้แพทยสภาออกมาให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่ชัดเจนถึงข้อดีข้อเสียของการตัดลูกอัณฑะจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงว่ามีรายละเอียดอย่างไร และถ้าเป็นผลเสียที่จะเกิดกับร่างกายหรือสุขภาพ รัฐจะต้องมีส่วนเข้ามาช่วยโดยตรง เพราะในบางประเทศถือว่าโรคนี้เป็นโรคที่ต้องให้บริการพื้นฐาน รัฐออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้ แต่ถ้าหากเป็นผลเสียเพราะเป็นห่วงว่าผ่าออกมาแล้วจะทำให้อวัยะเพศใหม่ไม่สวยก็คิดว่าอย่าไปยุ่งกับเขาดีกว่า

ด้านนายกิตตินันท์กล่าวว่า

ที่ผ่านมานายนทีมักจะออกมาอ้างชื่อกลุ่มเครือข่ายอัตลักษณ์ทางเพศ ซึ่งมีกลุ่มสมาชิกอื่นๆ ในเครือข่ายข้ามเพศว่าเป็นกลุ่มที่มีความเห็นเช่นเดียวกับตัวเองนั้น ตนอยากจะชี้แจงว่าที่ผ่านมานายนทีไม่เคยมาพูดคุย หรือปรึกษาว่าจะทำอะไรเลย หากมาคุยกันก่อนก็จะมีการปรึกษาหารือ ระดมสมองกันว่าควรจะทำอย่างไร แต่จู่ๆ ก็ไปดำเนินการเอง และยังใช้ชื่อว่ากลุ่มเครือข่ายเห็นด้วย เรื่องนี้ตนขอชี้แจงว่า หลายกลุ่มไม่ได้มีความคิดเห็นเช่นเดียวกับนายนที เช่น สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย หรือกลุ่มสวิงที่ได้ทำแถลงการณ์ออกมาแล้วว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

"กลุ่มเกย์กับกลุ่มกะเทยถือว่าเป็นคนละกลุ่มกัน ดังนั้นคุณนทีที่ถือว่าเป็นเกย์ก็ไม่ควรออกมาพูดหรือเรียกร้องแทนกลุ่มกะเทย เพราะ 2 กลุ่มนี้ไม่ได้มีความต้องการที่ตรงกันทุกเรื่อง ทางที่ดีที่สุดก็คือการให้กลุ่มชายที่อยากจะเป็นผู้หญิงโดยสมบูรณ์หรือกะเทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่างๆ จะดีกว่า ทั้งนี้อยากฝากไปถึงแพทยสภาด้วยว่าควรจะเปิดโอกาสให้กลุ่มนี้เข้าไปแสดงความคิดเห็นก่อนจะตัดสินใจออกกฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่งมา"นายกิตตินันท์กล่าว

ด้านนายนที ธีระโรจน์พงษ์ ผอ.กลุ่มเกย์การ เมืองไทย กล่าวว่า

 สิ่งที่ตนเรียกร้องให้ยุติการผ่า ตัดลูกอัณฑะไปก่อนอย่างไม่มีเงื่อนไขนั้น เพราะที่ผ่านมายังไม่มีข้อสรุปทางการแพทย์ที่ชัดเจนเลยว่ามีผลดีผลเสียอย่างไร และยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ จึงไม่อยากให้เกิดความเสี่ยงขึ้น ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะแพทยสภาออกมาหาข้อสรุปให้ชัดเจนก่อนที่จะปล่อยให้ทำกันต่อไป ทั้งนี้ที่มีกลุ่มหญิงข้ามเพศออกมาตอบโต้นั้นตนก็ไม่ได้คิดอะไร ถือว่าเป็นการออกมาช่วยกันผลักดันและพูดกันในสังคมให้มากขึ้น จะได้เป็นการยกระดับเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องสำคัญต่อไป ที่ผ่านมาตนยังไม่เคยออกมาพูดถึงเรื่องการออกกฎหมายอะไรเลย เพียงแต่อยากให้มีการยับยั้งการผ่าตัดลูกอัณฑะในเด็กออกไปก่อนเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่า กลุ่มหญิงข้ามเพศออกมาระบุว่ากลุ่มเกย์ไม่เข้าใจความรู้สึกของกะเทย แต่กลับออกมาเรียกร้องเสียเอง นายนทีกล่าวว่า กลุ่มของตนไม่ใช่เพียงแค่มีแต่เกย์เท่านั้น แต่ก็มีกลุ่มของกะเทย คือคนที่ต้องการเป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัวด้วย โดยก่อนที่จะออกมาเรียกร้องก็ได้มีการประชุมกันในกลุ่มเครือข่ายแต่อาจจะไม่ครบ เพราะบางเรื่อง บางกลุ่มก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ตนยืนยันได้ว่าไม่ได้เอาชื่อใครมาบ้าง เพราะกลุ่มเครือข่ายที่คุยกันมีอยู่จริง เช่นกลุ่มบางกอกเรนโบว์ เกย์การเมืองไทย, พลังจากใจ, บ้านสีม่วง และเรนโบว์ดรีม เป็นต้น

"กลุ่มนั้นเขาอาจจะไม่เข้าใจ แต่ไม่เป็นไร การออกมาเคลื่อนไหวเยอะๆ ก็เป็นการดี เพราะจะทำให้สังคมให้ความสนใจและเร่งแก้ไขปัญหากันต่อไป ซึ่งในวันที่ 5 พ.ค.นี้ แพทยสภาจะมีการประชุมกำหนดอายุของผู้ที่จะสามารถผ่าตัดแปลงเพศได้ ซึ่งได้ตอบรับที่จะเชิญกลุ่มเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย" นายนทีกล่าว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์