การท่าฯล้อมคอกหลังพม่า-แหกรั้วแอบไปขึ้นเครื่อง

จากกรณีนายซุ อ่อง วัย 27 ปี แรงงานชาวพม่าแอบปีนรั้วเข้าไปภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
 
ลักลอบขึ้นไปนั่งอยู่บนเครื่องบินโดยสารของสายการบินตุรกี เมื่อคืนวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ของสายการบินตรวจพบแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ราชาเทวะ ดำเนินคดี โดยภายหลังเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป พล.อ.ท.ชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาระบุว่าจุดเกิดเหตุอยู่ในความรับผิดชอบดูแลเรื่องการรักษาความปลอดภัยของกลุ่มบริษัทล็อกซเล่ย์ฯ ถือเป็นการบกพร่องของระบบป้องกันรักษาความปลอดภัยของบริษัทเอกชนที่รับสัมปทาน อาจจะมีการทบทวนเรื่องสัญญาสัมปทานด้วยนั้น 

ต่อมาเวลา 14.00 น. วันที่ 25 ม.ค. นายกาญจน์ ทองใหญ่ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทล็อกซเล่ย์ ไอซีทีเอส คอนซอร์เดียม ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า

กลุ่มบริษัทล็อกซเล่ย์ฯ เป็น 1 ใน 5 บริษัทเอกชนที่ได้รับสัมปทานดูแลรักษาความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สำหรับจุดที่นายซุ อ่อง ใช้เป็นเส้นทางลักลอบเข้ามาจนถึงขั้นขึ้นไปนั่งอยู่บนเครื่องบินโดยสารของสายการบินตุรกีนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของกลุ่มบริษัทล็อกซเล่ย์ฯตามที่มีการกล่าวอ้างถึง แต่อยู่ในพื้นที่การดูแลของการท่าฯเอง อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นตัวอย่างที่ทุกฝ่ายจะต้องเร่งหาทางแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ทางกลุ่มบริษัทล็อกซเล่ย์ฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกนายดูแลรับผิดชอบพื้นที่ที่ได้รับสัมปทานให้เข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มกำลังสายตรวจเดินเท้ามากขึ้นด้วย และพร้อมจะให้การสนับสนุนหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันเหตุร้ายอย่างเต็มที่ “ขอยืนยันว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยของบริษัท เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกับการรักษาความปลอดภัย ของสนามบินในกลุ่มประเทศยุโรปทั้งหมด” กรรมการ ผจก. กลุ่มบริษัทล็อกซเล่ย์ฯกล่าว 

ขณะที่ในวันเดียวกัน นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ก็ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า
 
ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ชายดังกล่าวใช้เส้นทางใดในการผ่านเข้ามาในเขตลานจอดอากาศยาน ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ขณะนี้จะมีกระแสข่าวออกไปว่า ผู้ต้องหาเล็ดลอดเข้าพื้นที่สนามบินโดยการใช้วิธีลุยข้ามคลองที่อยู่รอบ ทสภ. ด้านทิศตะวันตก หลังโรงแรมแกรนด์ อินคำ ถนนกิ่งแก้ว-ลาดกระบัง แล้วปืนรั้วตาข่ายและเดินข้ามทางวิ่งฝั่งตะวันตกเข้าไปยังลานจอดเครื่องบินหลุมจอดที่ 502 ดังกล่าวนั้น
 
แต่ล่าสุดยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า

ผู้ต้องหาเข้ามาตามเส้นทางดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากผู้ต้องหายังให้การสับสน วกวน และเปลี่ยนคำให้การตลอดเวลา นอกจากนั้น การเข้ามาในพื้นที่เขตลานจอดอากาศยานได้ จะต้องผ่านแนวกั้นและแนวป้องกัน เพื่อสกัดกั้นการปีนข้าม ทั้งนี้ แนวรั้วรอบสนามบิน ซึ่งเป็นแนวรั้วกั้นแนวสันเขื่อน และแนวรั้วกั้นระหว่างเขตการบินกับพื้นที่สาธารณะ ท่าอากาศยานสุวรรรภูมิได้มีการก่อสร้างตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) อยู่แล้ว 


นายเสรีรัตน์กล่าวว่า
 
ขณะนี้จะต้องรอผลสอบสวนอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำมาประกอบการสอบสวนหาข้อเท็จจริงถึงเส้นทางการเข้ามาของผู้ต้องหาดังกล่าว เพื่อดูว่าระบบการรักษาความปลอดภัยของ ทสภ. มีจุดบกพร่องหรือไม่อย่างไร และจะเร่งหามาตรการแก้ไขโดยเร็วที่สุด หากเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นก็จะรีบดำเนินการจัดซื้อเป็นการเร่งด่วน เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพสูงสุด


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
 
สัญญาสัมปทานที่ ทอท. ทำไว้กับกลุ่มบริษัทล็อกซเล่ย์ฯ 10 ปี เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา แต่เมื่อมาถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน บอร์ด ทอท.เห็นว่าสัญญาสัมปทานนานเกินไป และเกรงว่าไม่ปลอดภัย จึงให้ฝ่ายบริหาร ทอท.เจรจากับกลุ่มบริษัทล็อกซเล่ย์ ลดสัญญาสัมปทานลงเหลือ 5 ปี และลดวงเงินว่าจ้างจาก 5,000 กว่าล้านบาท เหลือประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท ส่วนกรณีที่ชาวพม่าลักลอบขึ้นเครื่องบินนั้น มีข่าวลือใน ทอท.ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มคนบางคนที่ต้องการให้มีการยกเลิกสัญญาสัมปทานกับเอกชนที่รักษาความปลอดภัยในสนามบินฯ และให้กลุ่มคนมีสีเข้ามาทำหน้าที่แทน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์