อวสานบ้านขวางถนน4เลน-ศาลสั่งรื้อแล้ว

ศาลสั่งบังคับคดีรื้อบ้านขวางถนนสู้มาร่วม 10 ปี แขวงการทางพิษณุโลกนำทีมรื้อเพื่อสร้างถนนสี่เลน เผยกำลังครึ่งร้อยลุยเรียบหลังเจ้าของที่พักยื้อไม่ยอมจนต้องพึ่งศาล เฒ่าวัย 68 ระบุจำเป็นต้องอยู่เพราะไม่มีที่ไป หลังจากที่อาศัยมาเมื่อ 35 ปีก่อน รับเมื่อรู้ว่าต้องถูกไล่แน่เครียดถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ขณะที่ทางแขวงฯให้ที่พักก่อนเป็นการชั่วคราว

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ม.ค.

นายณัฐวุฒิ เวชกุล ผอ.แขวงการทางพิษณุโลก พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 50 นาย เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 89 ม.6 ต.ปากโทก อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร อ.เมือง ตำรวจทางหลวง เจ้าพนักงานบังคับคดี จ.พิษณุโลก นายชินนะ คชนิล นายก อบต.ปากโทก เจ้าหน้าที่อาสาตำรวจชุมชน เพื่อรื้อถอนบ้านหลังดังกล่าวออกจากบริเวณถนน เพื่อก่อสร้างขยายเปิดผิวการจราจรขนาดสี่เลน เนื่องจากปัจจุบันสามารถเปิดใช้ได้เพียงเลนเดียว ทำให้การจราจรมีปัญหาและเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ รถจักรยานยนต์พุ่งชนบ้านหลังดังกล่าวมาแล้วนับไม่ถ้วน มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

นายสนาม แก้วทุม อายุ 68 ปี เจ้าของบ้าน กล่าวว่า

เปิดเป็นร้านขายของชำ พักอาศัยอยู่กับลูกสาว น.ส.หนึ่งนุช แก้วทุม อายุ 34 ปี ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่นำหมายบังคับคดีมาติดเอาไว้ข้างฝาบ้านให้รื้อถอนบ้าน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ ออกไปภายใน 7 วัน หากไม่ดำเนินการตามกำหนดเจ้าพนักงานบังคับคดีจะรื้อถอนวันที่ 21 ม.ค.ตนไม่รู้จะไปอยู่ไหน เพราะไม่มีที่ดินที่อื่น จึงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รื้อถอน อีกทั้งได้ทำหนังสือยืดเวลาออกไปอีก 2 เดือนแล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่กองบังคับคดีแขวงการทางติดต่อมาว่าจะดำเนินการเข้ามารื้อถอนบ้านของตนในวันที่ 21 ม.ค. ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ

กระทั่งเวลา 13.30 น.เจ้าหน้าแขวงการทางนำรถบรรทุก 6 ล้อ จำนวนหลายคันเข้าไปจอด เพื่อขนข้าวของภายในบ้านออก

ก่อนจะมีการรื้อตัวบ้าน ระหว่างนั้นนายสนาม เจ้าของบ้านมีท่าทางสีหน้าที่เศร้า เครียดไม่ยอมพูดคุยกับใครมากนัก พร้อมลุกขึ้นเข้าไปในบ้านนำเอายามาทาน คาดว่าเป็นยาลดความดัน เพราะช่วงหลังนายสนามมีโรคความดัน และเป็นอัมพฤกษ์ ร่างกายไม่แข็งแรง ตลอดเวลาที่เจ้าหน้าที่ช่วยกันขนข้าวของ นายสนามเดินหลบไปนั่งอยู่ด้านหลังบ้านเพียงลำพังคนเดียว ต่อมามีเจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุยด้วย เกรงว่าจะมีความเครียด ที่ทนสภาพถูกรื้อบ้านครั้งนี้ไม่ได้

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า

ตอนนี้เรารื้อตามที่กองบังคับคดีดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เราจะเริ่มตั้งแต่ 08.00 น.แต่ทนายไปทำคำร้องยืดเวลาอีก 2 เดือน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนศาลสั่งให้ไต่สวนคำร้อง จึงเสียเวลาศาลได้ยกคำร้องไม่ให้ยืดเวลา ส่วนศาลอุทธรณ์ยกไม่ให้ทุเลาบังคับคดี การรื้อจะรื้อในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก จะขนของออกจนหมด รื้อเป็นบางส่วนจนกว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีจะสั่งให้หยุดรื้อ วันที่ 22 ม.ค.ก็จะดำเนินการต่อ ในการช่วยเหลือคือขนของให้ทรัพย์สินเป็นของเขาทุกอย่าง และจะไปปลูกให้ในที่เขาต้องการให้ไปปลูก ระหว่างนี้ให้ไปพักพิงที่ อบต.ก่อน หลังจากนั้นจะช่วยเหลือปลูกให้เรียบร้อย และจะรีบทำถนนทันที เพราะกีดขวางการจราจรมาเป็นเวลานาน เราได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้ใช้เส้นทางตลอดเวลา เรื่อยมาตั้งแต่ปี 2543 ส่วนระยะเวลาในการก่อสร้างทางไม่กี่ร้อยเมตร ไม่เกินสองอาทิตย์คงจะเรียบร้อย เพราะต้องเคลียร์สิ่งปลูกสร้างและไฟฟ้ามาย้ายเสาไฟแจ้งให้เตรียมการไว้แล้ว

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2543

แขวงการทางพิษณุโลก ดำเนินการปรับปรุงขยายทางหลางหมายเลข 1086 สายต่อเขตเทศบาลนครพิษณุโลก บรรจบทางหลวงหมายเลข 11 อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ปรากฏว่ามีบ้านของนายสนาม แก้วทุม ปลูกสิ่งก่อสร้างอยู่ในเขตทางหลวง โดยสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวปลูกมาตั้งแต่ปี 2515 ก่อนแขวงการทางจะรับมอบเขตทางจาก จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2519 ต่อมาทางแขวงการทางยอมจ่ายค่ารื้อถอนให้กับนายสนาม 300,000 บาท แต่ปรากฏว่านายสนามไม่ยอมรับและยื่นศาลปกครองฟ้องกรมทางหลวงเรียกค่าเสียหาย 800,000 บาท ทางศาลปกครองได้โอนคดีไปให้ศาล จ.พิษณุโลกดำเนินการ จึงมีการต่อสู้คดีตลอดเวลาที่ผ่านมา รวมเวลาเกือบ 10 ปี กระทั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีนำหมายศาลจังหวัดพิษณุโลก คดีหมายเลขแดงที่ 1650/2548 ลงวันที่ 17 ธ.ค.2550 ไปติดไว้ที่บ้านนายสนาม เพื่อแจ้งให้ทราบว่าให้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกภายใน 7 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

หลังการรื้อถอน เจ้าหน้าที่ให้นายสนามพร้อมลูกสาวไปพักชั่วคราวที่แขวงการทางพิษณุโลก ส่วนตัวบ้านและทรัพย์สินเจ้าหน้าที่จะนำไปเก็บที่บ้านตูม ต.ปากโทก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่ดินของภรรยานายสนามซึ่งไม่มีน้ำประปาและไฟฟ้าใช้

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์