เสี่ยอู๊ดไม่หนักใจสร้างพระสมเด็จยันไม่มีผลประโยชน์

"ดีเอสไอ" เตือนไปรษณีย์ปิดเช่า-จองพระสมเด็จเหนือหัว หลังพบทุกที่ทำการเปิดบริการต่อเนื่อง อาจเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือให้เกิดการกระทำความผิด ด้านเจ้าอาวาสวัดสุทัศนฯ เตรียมแถลงข่าวแจงหลังจากกลับจากประเทศจีน ขณะที่ "เสี่ยอู๊ด" ยันไม่หนักใจ ระบุสร้างพระสมเด็จเหนือหัวคืองานบุญ เตรียมให้สัมภาษณ์ทุกเรื่อง 22 ธ.ค.นี้
 

ยังคงสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดต่อไปสำหรับเรื่องความไม่ชอบธรรมในการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว 

ที่หลายฝ่ายให้ความสนใจและจับตามองเป็นพิเศษ ล่าสุด แม้สำนักพระราชวัง กรมการศาสนา และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อให้เกิดความกระจ่างในเรื่องความถูกต้องเกี่ยวกับการจัดสร้างพระรุ่นดังกล่าว กระทั่งธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้ชะลอการรับจองไปแล้ว แต่ปรากฏว่าที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งยังคงจำหน่ายพระสมเด็จเหนือหัวตามปกติ ทำให้ดีเอสไอเห็นควรยุติการให้เช่า เพราะอาจเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือให้เกิดการกระทำความผิด
 

เมื่อเวลา14.00 น. วันที่ 20 ธันวาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ 

นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ และผู้เสียหายจากการเช่าพระสมเด็จเหนือหัว เข้าร้องทุกข์ต่อนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีดีเอสไอ พร้อมหลักฐานใบเสร็จการเช่าพระสมเด็จเหนือหัวจากบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด สาขาบางบัวทอง และพระสมเด็จเหนือหัว รวมทั้งนำเอกสารโฆษณาในสื่อต่างๆ มอบให้เป็นพยานหลักฐาน โดยเรียกร้องให้ดีเอสไอเร่งดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว
 

นายสงกรานต์กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายหลงเชื่อเช่าบูชาพระดังกล่าวเป็นจำนวนมาก 

เนื่องจากคิดว่าเป็นการร่วมทำบุญปีละครั้ง และเข้าใจผิดในเรื่องการจัดสร้างว่าเกี่ยวข้องกับสำนักพระราชวัง และที่สำคัญแม้จะเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นมา แต่ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งก็ยังเปิดให้เช่า-จองพระสมเด็จเหนือหัวตามปกติ ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ดีเอสไอเร่งดำเนินการ หากปล่อยไว้ความเสียหายจะเพิ่มมากขึ้น
  

ด้านนายสุนัย กล่าวว่า 

เกี่ยวกับเรื่องการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ดีเอสไอตรวจสอบพบว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค จึงได้มอบหมายให้ นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภค เร่งจัดชุดพนักงานสอบสวนดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกลุ่มผู้สร้างพระสมเด็จเหนือหัว พบว่า มีคดีความผิดเกี่ยวกับการสร้างพระรุ่นอื่นๆ ค้างอยู่ในชั้นสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยังกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง 

"ส่วนเรื่องที่บริษัทไปรษณีย์ไทยยังเปิดให้เช่าพระสมเด็จเหนือหัวอยู่ ทั้งที่ธนาคารทุกแห่งปิดการจองไปแล้ว ขอแนะนำไปยังบริษัทไปรษณีย์ไทยว่าควรยุติการให้เช่า เพราะตามกฎหมาย หากรู้ว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้วยังเปิดให้เช่าพระ อาจเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือให้เกิดการกระทำความผิด ซึ่งจะมีความผิดไปด้วย นายสุนัยกล่าว
 

พ.อ.ปิยะวัฒก์กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนกรณีการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัวว่า 

คงต้องรอให้ พระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ในฐานะประธานมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์กลับมาจากประเทศจีนก่อน ซึ่งเรื่องนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าไปประสานงานกับเลขานุการของพระวิสุทธาธิบดีแล้วว่า เจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าพบเพื่อสอบถามข้อมูลได้ในวันไหน โดยเจ้าหน้าที่จะขอข้อมูลกับท่านในเรื่องการจัดสร้างทุกๆ เรื่อง รวมทั้งเครื่องหมายพระมหามงกุฎที่ประทับด้านหลังขององค์พระว่า มีการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเช่นเดียวกันหรือไม่  

"เรายังคงขาดข้อมูลอีกหลายอย่าง เช่น ในเรื่องการสร้างพระอุโบสถสองกษัตริย์จะสร้างที่ไหน เมื่อใด อย่างไร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างเท่าใด รวมทั้งเรื่องของจำนวนสร้างพระสมเด็จเหนือหัวขึ้นมาครั้งนี้ ไม่ได้บอกจำนวนที่แน่นอนเหมือนกับการสร้างวัตถุมงคลอื่นๆ ที่บอกจำนวนยอด คงต้องสอบถามว่า หากมีการอ้างว่ามูลนิธิเป็นผู้จัดสร้าง และทุนส่วนหนึ่งเข้าสมทบมูลนิธิ ซึ่งเชื่อว่าเจ้าอาวาสคงให้ข้อมูลที่ถูกต้อง" พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าว
 

ขณะที่นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า

 กรมการศาสนากำลังรอหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงจากพระวิสุทธาธิบดี ดังนั้น คงต้องรอให้ท่านกลับมาก่อน และต้องดูว่าจะชี้แจงข้อมูลอย่างไรบ้าง ระหว่างนี้กรมการศาสนาได้ประสานขอข้อมูลจากส่วนอื่นๆ แต่ยอมรับว่าการหาข้อมูลทำได้ยาก เนื่องจากกลุ่มคนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล และให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว
 

วันเดียวกันพระเทพปริยัติเมธี เลขานุการ เจ้าอาวาสวัดสุทัศนฯ กล่าวชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า 

หลังมีข่าวได้ประสานไปยังพระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัด ให้ทราบเรื่องขณะอยู่ต่างประเทศ และในวันที่ 21 ธันวาคม เจ้าอาวาสวัดจะแถลงข่าวข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ทั้งหมด แต่ขณะนี้ต้องรอให้ท่านเดินทางกลับมาจากต่างประเทศและประสานมาก่อนว่าจะแถลงข่าวเวลาใด
   

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าววันเดียวกัน ผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ติอต่อสัมภาษณ์ นายสิทธิกร บุญฉิม หรือ เสี่ยอู๊ด ประธานบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด ผู้ดำเนินการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า 

ไม่ได้ทุกข์ร้อนต่อข่าวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ส่วนที่ไม่ได้ออกมาชี้แจงก่อนหน้านี้ เพราะต้องการให้เจ้าอาวาสวัดสุทัศนฯ แถลงข่าวก่อน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเด็นข้อสงสัยต่างๆ ในเรื่องการจัดสร้างนั้น ยืนยันว่า หลังจากเจ้าอาวาสวัดสุทัศนฯ ให้ข้อมูลก็ยินดีที่จะให้สัมภาษณ์ทุกกรณีในเย็นวันที่ 22 ธันวาคม ก่อนที่จะพาพนักงานในบริษัทเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อพักผ่อนประจำปี 

"ผมยืนยันว่า ข่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้สะทกสะท้านใจ เพราะไม่มีผลประโยชน์ใดๆ กับงานนี้ จึงมีความสุข และไปกราบครูบาเจ้าเทือง วัดบ้านเด่น อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พระอริยสงฆ์ที่คนเหนือนับถือมาก ท่านบอกว่าจะสร้างพระก็ต้องมีมารผจญ เป็นเรื่องธรรมดา" นายสิทธิกร กล่าว
  

ผู้สื่อข่าวถามว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอติดต่อมาบ้างหรือไม่ นายสิทธิกร กล่าวว่า 

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของดีเอสไอโทรศัพท์มาพูดคุยว่า ขอให้หาวันว่างๆ ปีหน้าจะเข้ามาขอข้อมูล แต่ปฏิเสธไปว่า ช่วงปีใหม่บริษัทหยุดงาน อีกทั้งยังติดคดีที่ต้องฟ้องร้องหนังสือพิมพ์ที่เสนอข่าวหมิ่นประมาท จึงไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูล อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการกองนิติกรของ สคบ.โทรศัพท์มาพูดคุย และได้รับคำชี้แจงไปแล้ว 

"ผมยืนยันว่า การสร้างพระสมเด็จเหนือหัวเป็นงานบุญ และเป็นงานที่ประธานมูลนิธิ ขอให้ช่วย และช่วยอย่างไม่คิดมูลค่าใดๆ สำหรับข่าวที่เกิดขึ้น ถือว่าเบา สมัยก่อนเจอข่าวหนักกว่านี้ ก็รอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้ เราต้องยึดหลักความดี ผมสร้างพระเครื่องรุ่นนี้มา ทำให้พระเครื่องหลายรุ่นเจ๊งเป็นแถว ซึ่งในจำนวนนั้นมีอยู่รุ่นหนึ่งที่คนสร้างมีอิทธิพล ผลเลยเป็นอย่างนี้" นายสิทธิกร กล่าวทิ้งท้าย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์