โจ๋หญิงไทย ยุคใจถึง! โชว์รูปหวิว แฟชั่นฮิต เกลื่อนเว็บ

“ขณะนี้เริ่มมีแฟชั่นที่วัยรุ่นเอารูปวับ ๆ แวม ๆ ของตัวเองขึ้นโชว์บนเว็บไซต์”

......เป็นส่วนหนึ่งจากการระบุของ สุนิตย์ เชรษฐา ผู้จัดการแผนงานไอซีที สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นอกเหนือจากประเด็นปัญหาวัยรุ่นนิยมเล่น “แชตไลน์” ในงานเสวนาที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในงานก็มีการเปิดเผยข้อมูล-เปิดประเด็นที่น่า เป็นห่วงสำหรับวัยรุ่นอย่างหลากหลาย
 
กรณี “แชตไลน์” ประเด็นเสวนาหลักนั้นก็ถกกันมาก...แต่.....
 
กรณี “โชว์รูปวับ ๆ แวม ๆ” ก็ไม่อาจจะมองข้าม ?? ทั้งนี้ กับกรณีโชว์รูปวับ ๆ แวม ๆ ของตัวเองในเว็บไซต์-ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง “แฟชั่นวัยรุ่นในด้านที่มีผลลบ” ที่มีการระบุว่า “เริ่มมี” นั้น ในข้อเท็จจริงต้องบอกว่าใช้คำว่าเริ่มคงจะไม่ถูกต้อง เพราะขณะนี้น่าจะต้องใช้คำว่า “ลามหนัก” แล้วต่างหาก เพียงแต่ก่อให้เกิดผลกระทบอะไรไปบ้างแล้ว...ยังไม่ชัด
 
ส่วนใหญ่-เกือบทั้งหมด...เป็น “รูปหวิว ๆ วัยรุ่นหญิง”
 
ด้วยเทคโนโลยี ทั้งคอมพิวเตอร์-อินเทอร์เน็ตที่แพร่หลาย และอุปกรณ์ถ่ายรูปที่คนไทยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น มีทั้งกล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้ ในหลาย ๆ เว็บไซต์ไทยมีการโพสต์รูปลักษณะนี้มานานแล้ว ซึ่งพวกที่ชอบโพสต์รูป-ที่ชอบดู ก็ทำกัน-ดูกันฟรี ๆ จนเป็นเรื่องประจำวันไป แล้ว ซึ่ง “ระดับความหวิว” ก็แตกต่างกันไป
 

สำหรับสาเหตุที่วัยรุ่นหญิงไทยกล้าถ่ายรูป-กล้าโชว์รูปหวิวของตนเองในลักษณะนี้นั้น ถ้าจะว่ากันในเชิงจิตวิทยา นักจิตวิทยา ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม เคยวิเคราะห์และแจกแจงไว้ว่า...อาจมาจาก 4 ปัจจัยคือ...
 
ปัจจัยที่ 1 ผู้หญิงไทยมีโลกทัศน์กว้างขึ้น เปิดตัวสู่โลกมากขึ้น โดยมองว่าการแสดงออกในเรื่องเหล่านี้เป็นการหลุดพ้นจากการถูกกดขี่ข่มเหงในเรื่องเพศจากผู้ชายที่เคยมีมาในอดีต
 
ปัจจัยที่ 2 ความต้องการอยากโชว์เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ เมื่อหญิงไทยมีความกล้ามากขึ้น รูปแบบและวิธีการที่ใช้ก็ย่อมหลาก หลายขึ้น เช่น ทำอึ๋ม ก็มักจะเกิดค่านิยมว่าต้องโชว์ให้ผู้ชายรู้เห็น
 
ปัจจัยที่ 3 ลัทธิอยากเด่นอยากดัง หรือโชว์ออฟ เมื่อผู้หญิง   รู้สึกว่าตัวเองมีของดีในร่างกายก็อยากอวดให้คนอื่นได้เห็น ไม่ว่าจะเป็น เรือนร่าง จุดสงวน เพื่อกระตุ้นและเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะจากเพศ ชาย
 
ปัจจัยที่ 4 ผู้หญิงสมัยใหม่ฉลาดขึ้นในเรื่องเพศ รู้จุดอ่อนของเพศชายที่อารมณ์ทางเพศพุ่งเร็ว จึงสามารถนำเรือนร่างมาใช้หาผลประโยชน์ หรือใช้ต่อรองผลประโยชน์จากผู้ชายมากขึ้นกว่าเดิม 
 

ดร.วัลลภชี้อีกว่า...“จากปัจจัยที่ว่ามา อาจมองว่าผู้หญิงเป็นฝ่าย ได้ประโยชน์หรือใช้ประโยชน์จากเรื่องเพศ แต่ความจริงแล้วยังไง ๆ ก็ยัง เป็นเพศชายอยู่ดีที่ได้ประโยชน์ เพศหญิงมีแต่เสียหาย”
 
พร้อมทั้งยังบอกต่อไปว่า...จุดที่สำคัญอีกประการหนึ่งในสังคมไทย ยุคปัจจุบันนี้ก็คือ มีพวกที่คิด-ที่มองว่ายุคนี้ “ผู้ชายแท้ ๆ ดี ๆ มีน้อย ผู้หญิงต้องแย่งชิง !!” โดย “การแต่งตัว” ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ดึงดูดความสนใจจากผู้ชาย แต่ประเด็นก็คือไม่ใช่แค่แต่งตัวให้สวย-ให้ดูดี-ให้น่าสนใจ-ให้อินเทรนด์มากขึ้นเท่านั้น...
 
รวมถึงการ “แต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนังมังสามากขึ้น”
 
ไม่เท่านั้น...แต่ยังได้เลยไปถึงขั้น “ตั้งใจเปิดผ้าโชว์” และ “เว็บไซต์” ก็ถูกวัยรุ่นบางส่วน “ใช้เป็นสื่อโชว์” กับกรณีทำนองนี้ ดร.วัลลภบอกไว้ว่า...เรื่องนี้ถือ “เป็นปัญหาทาง สังคมแน่นอน” เพราะก่อให้เกิดค่านิยมผิด ๆ ประกอบกับปัจจุบันมีอุปกรณ์ ในการป้องกันการตั้งครรภ์มากมาย ก็ทำให้ไปกันใหญ่ ไปกันใหญ่ที่ว่านี้หมายถึงทำให้ผู้หญิงไทยในปัจจุบัน “กล้าที่จะเปิด เผย-เปิดตัวเรื่องเซ็กซ์มากขึ้น” จนบางคน-บางครั้ง “เปิดมากกว่าเพศชายเสียด้วยซ้ำ !!” เพื่อต้องการจะปรุงแต่งให้เพศชายเกิดความสนใจ ซึ่งผู้หญิงบางคนหวังว่า-เชื่อว่าทำแบบนี้แล้วจะมัดใจผู้ชายได้ ??
 
“ในอดีตผู้หญิงบางคนคิดว่าหน้าตารูปร่างดีก็มัดใจผู้ชายได้ แต่สังคมไทยยุคปัจจุบันหลายคนอาจคิดว่าไม่พอ ต้องกล้า-ต้องเก่งในเรื่องเพศด้วย แต่สุดท้ายก็อาจไม่เป็นอย่างที่คิด ซึ่งค่านิยมผิด ๆ แบบนี้นำพา ไปสู่การเป็นสังคมมั่วเพศ ที่มีปัญหาตามมามากมายในปัจจุบัน”...นักจิต วิทยาดังระบุ
 
“น่าจะมี 2 กรณีคือ โพสต์เอง หรือเพื่อนหรือแฟนนำไปโพสต์...”

“คิดว่าคนที่โพสต์รูปตัวเองน่าจะเพราะอยากโชว์ รักสนุก ต้องการเรียกร้องความสนใจ แต่ไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามมา...” “ถ้าเป็นแฟนผมจะไม่ให้ มีรูปอะไรแบบนี้ในเว็บบอร์ดเด็ดขาด...”...นี่เป็นบางส่วนของเสียงวัยรุ่นหญิง- ชายที่เคยสะท้อนกรณี “โชว์รูปหวิวในเน็ต” ผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ที่ ก็ได้เคยนำเสนอเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อ 6 เดือนก่อน
 
ถึงวันนี้ “โชว์รูปหวิวในเน็ต” เป็นแฟชั่นฮิตมานานแล้ว เมื่อไม่ใช่รูปคนดัง...ก็แน่นอนว่าย่อมจะไม่เป็นข่าวใหญ่ แต่ในโลกไซเบอร์รูปก็มักถูกฟอร์เวิร์ดต่อกันไปเรื่อย ๆ ลูกหลานใครต่อใครกันบ้าง...ก็ไม่รู้ ?????.