ตะลึง! ผลวิจัยชี้เด็กไทยเฉา ทำการบ้าน-จับเจ่าหน้าทีวีมากที่สุด

ตะลึง! ผลวิจัยชี้เด็กไทยเฉา ทำการบ้าน-จับเจ่าหน้าทีวีมากที่สุด

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 เมษายน 2549 14:30 น.

ผลวิจัยล่าสุดของบรีสเผยเด็กไทยอาการน่าเป็นห่วง เรียนมาก ทำการบ้านหนัก จับเจ่าหน้าทีวีมากที่สุด เกือบ 70% ขณะที่เด็กญี่ปุ่น เวียดนามได้เล่นมากกว่า 50% ส่วนนิตยสารไทม์ย้ำเด็กเอเชียเรียนมากไม่มีเวลาเล่น

นางศันสนีย์ สุภทรวนิชย์ รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนและทันตผลิตภัณฑ์ บริษัท ยูนิลิเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บรีสได้มอบหมายให้สำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินโครงการวิจัยนำร่องเรื่อง ความฉลาดทางการเล่น หรือเพลย์คิว (Play Q) ซึ่งเป็นรากฐานของไอคิว (IQ) และอีคิว (EQ) รวมทั้งเป็นดัชนีบ่งชี้คุณภาพของเด็กไทย โดยศึกษาพฤติกรรมการใช้เวลาของเด็กอายุ 8-12 ปีจำนวนรวมกว่า 4,000 คน ใน 4 ประเทศ ที่มีอัตราการเติบโตสูงในเอเชีย ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม

ชี้เด็กไทยเรียนหนัก

ผลการสำรวจของบรีส พบว่า เด็กไทยมีคุณภาพชีวิตที่น่าเป็นห่วง โดย 69% ของเด็กไทยใช้เวลาหลังเลิก เรียนในวันธรรมดาและในวันหยุดสุดสัปดาห์ไปกับการทำการบ้าน และใช้เวลาจับเจ่าอยู่หน้าทีวีมากถึง 50% ขณะที่เด็กญี่ปุ่น และเด็กเวียดนามกว่า 60% ใช้เวลาหลังเลิกเรียนและในวันหยุดออกไปเล่นกลางแจ้ง และเล่นกีฬา ส่วนเด็กในอินโดนีเซียเวลาอ่านหนังสือ ดูทีวี และทำการบ้านในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน

นางศันสนีย์ กล่าวว่า ผลการสำรวจของบรีสพบว่า เด็กๆ สมัยนี้มีเวลาเล่นน้อยมาก แม้แต่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ แทนที่เด็ก ๆ ใน 4 ประเทศที่บรีสสำรวจนี้จะได้เล่นกันอย่างเต็มที่ กลับมีเวลาเล่นเพียงประมาณ 1-8 ชั่วโมงเท่านั้น แต่กลับต้องใช้เวลาเรียนเพิ่มเติม เรียนกวดวิชาในวันหยุดมากถึง 3 ชั่วโมงโดยเฉพาะเด็กเวียดนามที่ต้องเรียนกวดวิชาวันเสาร์-อาทิตย์ มากถึง 6 ชั่วโมง

ในขณะเดียวกัน นิตยสารไทม์ ได้ตีพิมพ์บทความเรื่องเด็กทั่วเอเชียทั้งในประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ฮ่องกง และไต้หวัน เรียนหนักจนไม่มีเวลาเล่น

เผยจีนเรียนเอ็มบีเอก่อนเลิกดูดนม

นิตยสารไทม์ เปิดเผยว่า เด็กยุคปัจจุบันถูกพ่อแม่พาเข้าเรียนตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น ในเมืองเซี่ยงไฮ้ของประเทสจีน มีเด็กจีนกว่า 1,500 คนเข้าเรียนหลักสูตร E.M.B.A. (Early MBA) ซึ่งนักเรียนที่อายุมากที่สุดในชั้นมีเพียงอายุ 6 ขวบเท่านั้น ส่วนเด็ก 5 ขวบบางคนต้องเรียนตั้งแต่ 08.30 น.ถึง 17.00 น. สัปดาห์ละ 5 วัน และเรียนกวดวิชาการอ่าน คณิตศาสตร์ และดนตรี

พ่อแม่ห้ามเด็กเล่นเพราะกลัวเลอะ

นอกจากนี้ การวิจัยบรีสยังระบุว่าสาเหตุสำคัญอันดับ 1 ที่พ่อแม่ใน 4 ประเทศที่บรีสทำการสำรวจ ห้ามไม่ให้ลูกเล่น ก็เพราะกลัวทำความสกปรกเลอะเทอะ ซึ่งมีมากถึงประมาณ 40% โดยเฉลี่ย และเกือบ 20% ห้ามลูกๆ ออกไปเล่นกลางแจ้ง

พ่อแม่ห้ามเด็กทำเลอะ ห้ามเล่นนอกบ้าน เด็กๆ ก็จะเกร็ง กลัว ไม่กล้าเลอะเล่นอย่างอิสระ ทั้งๆ ที่การเล่นเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการเติบโตและเรียนรู้ของเด็ก โดยธรรมชาติเด็กจะเรียนรู้จากสิ่งรอบข้าง และการเลียนแบบ การเล่นช่วยส่งเสริมการพัฒนากล้ามเนื้อส่วนต่างๆ การพัฒนาทักษะทางสังคม การรู้จักแบ่งปัน ไหวพริบและเชาว์ปัญญา เด็ก ๆ ที่ได้เล่นเต็มที่จะเป็นเด็กอารมณ์ดี และพร้อมรับสิ่งใหม่ๆ

เด็กๆ ไม่มีโอกาสเล่น ต้องมานั่งจับเจ่าอยู่หน้าทีวี หรือไปเรียนกวดวิชา จะทำให้เครียด เด็กจะเสียความเชื่อมั่น ไม่รู้จักเข้าสังคม ขาดความกล้าที่จะทดลอง ค้นหาหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ไม่รู้จักการดูและเรื่องความปลอดภัยของตนเอง ทางออกที่ดีที่สุดคือ ต้องปล่อยให้เด็กได้เล่นอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างสมดุลและเป็นธรรมชาติ สมองจะพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพ เด็กก็จะมีเพลย์คิวสูง ซึ่งจะมีส่วนช่วยพัฒนาไอคิว และอีคิวของเด็กด้วย นางศันสนีย์ กล่าว

ญี่ปุ่น เกาหลีกลับใจ

นิตยสารไทม์ เปิดเผยว่า ในบางประเทศเริ่มตระหนักแล้วว่าต้องปล่อยให้เด็กเล่นให้มากขึ้น เพราะการเรียนแบบวิชาการเข้มข้นนั้นให้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจ เช่น ประเทศ ญี่ป่นซึ่งมีความกดดันในด้านการเรียน ทำให้อัตราการฆ่าตัวตายของเด็กวัยรุ่นพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ จนต้องปรับระบบการศึกษาผ่อนคลายลง

ส่วนประเทศเกาหลี ก็เริ่มใช้วิธีการเรียนการสอนใหม่ที่ทำให้เด็กสนุกกับการเรียนมากขึ้น และเปิดกว้างให้เด็กเลือกเรียนวิชาที่น่าสนใจ เช่น ศิลปะ ออกแบบเว็บไซต์ การผลิตภาพยนตร์ เป็นต้น

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์