บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ยอมความไม่ฟ้อง ปิดคดีโกงเงินน้ำท่วมอีสาน แม่กุ้ง อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ห้องคุ้มครองสิทธิ ศาลจังหวัดยโสธร ศาลนัดไกล่เกลี่ย คดีหมายเลขดำที่ อ.1287/2562 ที่พนักงานอัยการจังหวัดยโสธร เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางรุ่งรัชนี หรือแม่กุ้ง ไชยวิชิต อายุ 69 ปี, นางศิริพร หรือคุณนายถิง โคตรสมบัติ อายุ 31 ปี, นายเทพพิทักษ์ โคตรสมบัติ อายุ 48 ปี กำนัน ต.น้ำคำใหญ่ นางมังกร วงค์สุวรรณ อายุ 52 ปี แพทย์ประจำ ต.น้ำคำใหญ่, นายวินัย เศรษฐะ อายุ 42 ปี, นางนภัสวรรณ ศรีข้อ อายุ 60 ปี ประธานชุมชนเปี่ยมสุข และ นางสมฤดี เอื้อสามาลย์ อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้านห้องพอง ต.น้ำคำใหญ่ จำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานฉ้อโกง

คำฟ้องสรุปว่าเมื่อปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม 2562 ได้เกิดอุทกภัยในหลายจังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงบางพื้นที่ในเขตจังหวัดยโสธร เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อน นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้เสียหายได้ทราบข่าวการเกิดอุทกภัย จึงหาทางช่วยช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งเมื่อครั้งวันที่ 20 ตุลาคม 2562 จำเลยทั้ง7 กับพวกอีก 67 คน มีเจตนาทุจริต ได้ร่วมกันหลอกลวงนายบิณฑ์ ผู้เสียหาย ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จละปกปิดข้อความจริงอันควรบอกให้แจ้ง โดยการหลอกลวงของจำเลยทั้งเจ็ดกับพวกเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและทรัพย์สินให้แก่จำเลยทั้งเจ็ดกับพวกและบุคคลที่สามเป็นเงินทั้งสิ้น 340,000 บาท อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยด้วย

บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ยอมความไม่ฟ้อง ปิดคดีโกงเงินน้ำท่วมอีสาน แม่กุ้ง อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์

โดยวันนี้พนักงานงานอัยการโจทก์เดินทางมาศาลพร้อมด้วย นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ส่วนฝ่ายจำเลยทั้ง 7 รายเดินทางมาศาลพร้อมทนายความ โดยมีนายนพดล ไกษร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดยโสธร ได้เข้าร่วมไกล่เกลี่ยโดยใช้เวลาไกล่เกลี่ยเกือบ 3 ชั่วโมง การเจรจาไกล่เกลี่ยจึงสำเร็จ ทั้งสองฝ่ายสามารถต้องลงกันได้ จากนั้นศาลได้บันทึกรายงานกระบวนการพิจารณาคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายเจรจาตกลงกันโดยดีโดยนายบิณฑ์ แถลงไม่ติดใจเอาความและขอถอนฟ้องคดี จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

ภายหลังการไกล่เกลี่ยนายบิณฑ์ ได้นำฝั่งคู่ความมาจุดธูปเทียนสาบานต่อหน้าพระพุทธรูปซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลจังหวัดยโสธร ว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ดำเนินการเพื่อรักษาสิทธิและผลประโยชน์ให้ชาวบ้านที่ข้าพเจ้าได้เป็นผู้นำ ให้ได้รับเงินความช่วยเหลือจากคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ พร้อมด้วยมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่ชาวบ้านได้รับเงินช่วยเหลือโดยตนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว หากข้าพเจ้าได้ทำไปเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัวขอให้ข้าพเจ้าไม่ประสบผลสำเร็จในการทำธุรกิจใดๆทั้งสิ้น

นายบิณฑ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาไกล่เกลี่ยกรณีฉ้อโกงเงินน้ำท่วมที่ตนได้ยื่นฟ้องแม่กุ้งพร้อมพวก ซึ่งขออนุญาติเอ่ยชื่อแม่กุ้งซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดยโสธรได้เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ใหญ่ที่เข้ามาอำนวยความสะดวกต่างๆทั้งที่พักและมีกรณีที่เอาผู้ที่ไม่ได้อยู่ในหลักเกณฑ์ในการรับเงินช่วยเหลือน้ำท่วมนำมารับเงินเกือบ 100 คน ตนก็รู้สึกว่าพี่น้องประชาชนอาจจะเข้าใจผิดในตัวของตนว่าเป็นผู้ร่วมรู้เห็นในครั้งนี้ ตนจึงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จากนั้นแม่กุ้งได้ฟ้องตนกลับในข้อหาหมิ่นประมาท วันนี้จึงมาไกล่เกลี่ยกัน

ซึ่งการไกล่เกลี่ยโดยปากผู้นำชุมชนรับว่าต้องการรักษาผลประโยชน์ให้ลูกบ้านที่ด้อยโอกาส วันนี้มีชาวบ้านบางส่วนนำเงินมาคืนทั้งหมด 18 รายเป็นเงินทั้งสิ้น 9 หมื่นบาท บางรายไม่สามารถหาเงินมาคืนให้ได้เพราะไม่มีงาน ตนจึงเห็นใจและยกผลประโยชน์เหล่านั้นให้ชาวบ้านไป

ส่วนผู้นำชุมชนได้พูดให้ตนเข้าใจแล้วว่าการกระทำดังกล่าวผู้นำต้องการรักษาผลประโยชน์ให้กับชาวบ้านไม่ได้เอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ส่วนแม่กุ้งรับว่าทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และเป็นการเข้าใจผิดจึงมาขอโทษ ตนจึงรู้สึกพอใจทุกคนต่างพอใจจึงต้องลงไกล่เกลี่ยกันได้