กินของมัน-ไม่เอ็กเซอร์ไซส์ เสี่ยง! นิ่วในถุงน้ำดี


กินของมัน-ไม่เอ็กเซอร์ไซส์ เสี่ยง! นิ่วในถุงน้ำดี

โรคนิ่วในถุงน้ำดีนี้ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์มีคำตอบให้ว่า มักพบในคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 1-2 เท่า โดยมีระดับคอเลสเตอรอลสูง ผู้หญิงที่มีบุตรแล้ว คนป่วยที่เป็นเบาหวาน ธาลัสซีเมีย โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก จะมีโอกาสเป็นนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าคนทั่วไป

ต้นตอของนิ่วที่อยู่ในถุงน้ำดี เกิดจากการตกผลึกของหินปูน (แคลเซียม) คอเลสเตอรอล และบิลิรูบิน (สารเคมีชนิดหนึ่งที่ให้สีเหลืองออกน้ำตาล เกิดจากการแตกตัวหรือการตายของเซลล์เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือด) ที่มีอยู่ในน้ำดี

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการตกผลึกของสารเหล่านี้ เชื่อว่าเกิดจากการติดเชื้อของทางเดินน้ำดี และความไม่สมดุลของส่วนประกอบคอเลสเตอรอลและบิลิรูบินในน้ำดี ซึ่งการตกผลึกของสารเหล่านี้ อาจทำให้เกิดเป็นก้อนนิ่วเพียงก้อนเดียว หรือก้อนเล็กๆ หลายๆ ก้อนก็ได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่ว ได้แก่ 1. ความอ้วน คนอ้วนจะเกิดนิ่วที่มีคอเลสเตอรอล เนื่องจากการบีบตัวของถุงน้ำดีลดลง 2.การได้ฮอร์โมนเอสโตรเจนจากการรับประทานหรือตั้งครรภ์ ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง 3.การได้ยาลดไขมันบางชนิด ทำให้คอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง 4.ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีระดับไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงมากๆ 5.การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายละลายไขมันมากไป




กินของมัน-ไม่เอ็กเซอร์ไซส์ เสี่ยง! นิ่วในถุงน้ำดี

ขณะที่นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผอ.โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์เสริมว่า โรคนี้จะไม่แสดงอาการผิดปกติให้เห็น มักจะตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจเช็คร่างกาย บางคนอาจมีอาการท้องเฟ้อบริเวณเหนือสะดือ เรอ คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายอาการของอาหารไม่ย่อย ซึ่งมักเป็นหลังกินอาหารมันๆในรายที่ก้อนนิ่วเคลื่อนไปอุดในท่อส่งน้ำดี จะปวดบิดรุนแรงเป็นพักๆ บริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา ซึ่งอาจปวดร้าวมาที่ไหล่ขวาหรือบริเวณหลังตรงใต้สะบักขวา มักปวดนานเป็นชั่วโมงๆ และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย บางคนอาจปวดรุนแรงจนเหงื่อออก เป็นลม โดยอาการปวดท้องมักเป็นหลังกินอาหารมันหรือกินอาหารมื้อหนัก บางคนอาจมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง) เกิดขึ้นตามหลังอาการปวดท้อง

เมื่อตรวจร่างกายมักไม่พบสิ่งผิดปกติ มักไม่มีไข้ บางครั้งอาจตรวจพบอาการกดเจ็บเล็กน้อยบริเวณใต้ลิ้นปี่และได้ชายโครงขวา

สำหรับการรักษาที่ดีที่สุดในปัจจุบัน คือ ผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องผ่านทางช่องท้อง เป็นการผ่าตัดแบบใหม่ โดยเจาะรูเล็กๆ ที่หน้าท้อง ถ้าผู้ป่วยไม่มีถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน การผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องผ่านทางช่องท้องสามารถทำได้สำเร็จถึงร้อยละ 95

ทั้งนี้ มีข้อแนะนำว่า ผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี แม้จะไม่แสดงอาการ อาจตรวจพบตอนไปตรวจรักษาโรคอื่น แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัด เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ อาจมีการอักเสบและมีโรคแทรกซ้อนตามมาก็ได้

แต่ที่สำคัญโรคนี้ป้องกันได้ด้วยการลดกินอาหารมีไขมัน และออกกำลังกายเป็นประจำ



เครดิตแหล่งข้อมูล : สยามรัฐ





เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : me
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 203.151.136.238

203.151.136.238,,238.136.151.203.sta.inet.co.th ความคิดเห็นที่ 3 [อ้างอิง]
wellcome


[ วันอาทิตย์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 11:13 น. ]
ตามข่าวteenee.com จาก LineToday เข้าไปคลิ๊กกดติดตามได้เลย
กระทู้เด็ดน่าแชร์