ร้องปิดเว็บฉาวสาวไทยขายตัว!

เชิญชวนเที่ยวพัฒน์พงศ์ แจ้นแจ้ง วธ.ไอซีที ปิดเว็บ หวั่นกระทบชื่อเสียงประเทศ ปลัด วธ. ปลงยิ่งปิดก็ยิ่งเปิด อีกด้านศูนย์เฝ้าระวังฯ เร่งประสานกรมประชาฯ ตรวจเนื้อหาเพลงนางฟ้าคืนเดียวหลังถูกร้องเรียนว่า หมิ่นเหม่

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) แจ้งมาว่ามีข้าราชการของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชุมพร ได้โทรศัพท์ร้องเรียนผ่านศูนย์บริการข้อมูลประชาชน (Call Center) หมายเลข 1765 ว่า

ได้ใช้อินเทอร์เน็ตในการทำงานแล้วเปิดเข้าไปพบเว็บไซต์ www. pornbudda.com ปรากฏว่าเป็นเว็บลามกอนาจาร มีรูปนางแบบแก้ผ้า โชว์เรือนร่างและอวัยวะเพศหญิงอย่างโจ่งครึ่ม เสนอขายบริการทางเพศ บริเวณ พัฒน์พงศ์ กรุงเทพฯ ซึ่งไม่มีการปิดกั้นการเข้าชมแต่อย่างใด ซึ่งทางกลุ่มประชาสัมพันธ์พิจารณารายละเอียดข้อร้องเรียนแล้วเห็นว่า อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย จึงได้นำเสนอเรื่องดังกล่าวไปให้หน่วยปฏิบัติงานของกลุ่มเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมให้พิจารณาดำเนินการแก้ไขต่อไป 
 

ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และ วธ.ได้พยายามประสานกันโดยตลอด เพื่อมาช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในการบล็อกหรือปิดเว็บไซต์ลามก รวมทั้งยังฝากเตือนพ่อ แม่ ผู้ปกครองของเด็กและเยาวชน    ให้ช่วยกันสอดส่องดูแลบุตรหลานของตนเอง   ไม่ให้เปิดเข้าไปดูเว็บไซต์ลามกเหล่านี้ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยก่อนหน้านี้ วธ.ก็ได้รับการร้องเรียนว่ามีเว็บไซต์ที่ใช้ชื่อว่า Beagle Buddha (พระพุทธเจ้าหน้าสุนัข) ที่มีการนำหน้าสุนัขไปติดแทนหน้าพระพุทธเจ้า ซึ่งตนก็ได้ดำเนินสั่งการตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว เพราะเป็นการลบหลู่พระพุทธศาสนา   และกระทบกระเทือนต่อจิตใจของชาวพุทธเป็นอย่างมาก 
 
"เว็บไซต์ลามกและเว็บไซต์ที่หมิ่นพระพุทธศาสนา ยิ่งปิดก็ยิ่งมีการเปิดมากขึ้น ดังนั้น ผมคิดว่า จะต้องมีการหารืออย่างจริงจังกับกระทรวงไอซีทีในการป้องกันเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งต้องให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนว่า สิ่งไหนเหมาะและไม่เหมาะกับเขาในการเลือกรับสื่อในยุคโลกาภิวัตน์อย่างนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่ประเทศไทยที่ประสบปัญหาเว็บลามก ระบาดแต่หลาย ๆ ประเทศในโลกก็ประสบปัญหาเช่นกัน เพียงแต่ละประเทศจะมีวิธีจัดการอย่างไรเท่านั้น โดยในส่วนของประเทศไทย ผมคิดว่า คงต้องเร่งให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน ตลอดจนต้องให้ผู้ปกครองเป็นผู้ดูแลการเข้าถึงสื่ออินเทอร์เน็ต ในการช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้แก่ภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ถ้าใครพบเห็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเว็บไซต์ลามก หรือเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม หรือการกระทำที่ขัดต่อวัฒนธรรมอันดี สามารถแจ้งมายังกระทรวงวัฒนธรรมได้ทันทีที่สายด่วน 1765" ปลัดวธ.กล่าว
 
ด้าน น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวว่า

ขณะนี้ตนได้รับการร้องเรียนจากเครือข่ายเฝ้าระวังทาง วัฒนธรรมให้ตรวจสอบเนื้อหาเพลงชื่อ "นางฟ้าคืนเดียว" ของศิลปินค่ายดังว่าหมิ่นเหม่ต่อการขัดศีลธรรมอันดีงามของไทยหรือไม่ ซึ่งเนื้อหาของอีเมลของเครือข่ายระบุว่า "ผมได้ฟังเพลง นางฟ้าคืนเดียว ของ วิด ไฮเปอร์ อัลบั้ม วิด ชนิด พิเศษ แล้ว ผมว่า ไม่น่าจะทำออกมาให้ฟังเลย เพราะว่ามีการพูดถึงเกี่ยวกับการหลับนอนกับผู้หญิง แล้วใช้ภาษาในเนื้อเพลงกำกวมมาก ผมมีเนื้อเพลงมาให้ดูด้วย ยังไงก็ขอให้ตรวจสอบ หน่อยนะครับ ประเทศไทยจะได้ดีขึ้นนะครับ"

โดยมีเนื้อหาดังนี้ ไม่รักแล้วมานอนกับฉันทำไม ไม่รักแล้วเธอไยไม่ยอมขัดขืน ไม่รักแล้วมาบอกเมื่อตอนฉันตื่น ไม่รักแล้วเมื่อคืนเราเป็นอะไรกัน ไม่รักแล้วทำไมให้ฉันทุกท่า ไม่รักไยลีลาเร่าร้อนปานนั้น ไม่รักแล้วมาห่มผ้าผืนเดียวกัน ไม่รักแล้วมาอม....ใจฉันทำไม ไม่ใช่ผู้ชายข้างทาง สว่างก็จะชิ่งกัน เจ็บปวดกับความสัมพันธ์ สำคัญแค่ตอนดับไฟ ไม่ใช่ผู้ชายชั่วคราว จบข่าวก็จบเยื่อใย หมดแม็กก็แยกกันไป มาฆ่าให้ตายเลยดีกว่า ไม่รักแล้วมานอนกับฉันทำไม ไม่รักแล้วเธอไยไม่บอกกันหา ปล่อยฉันให้น้ำแตกตรงนี้ที่ตา บอบช้ำเพราะลีลานางฟ้าคืนเดียว
 
"ดิฉันได้อ่านเนื้อเพลงนี้แล้ว คิดว่าเนื้อหาไม่ได้แสดงอะไรที่ผิดศีลธรรมจนเห็นชัดเจน แต่เป็นการเล่นภาษา เช่น คำว่า เอา ไม่ได้หมายความว่าส่อไปในเรื่องเพศสัมพันธ์ชัดเจน หรือยอมให้ทำทุกอย่าง ไม่รู้ว่าคนเขียนเพลงตั้งความหมายของคำว่า เอา ในเพลงนี้อย่างไร อีกทั้งประชาชนเมื่อได้ยินเพลงนี้แล้วจะรู้สึกอย่างไร อยากให้ประชาชนตัดสินเหมือนกัน ซึ่งในส่วน วธ. ได้รับเรื่องร้องเรียนมาเท่านั้น ไม่มีหน้าที่ตัดสินว่าเพลงนี้ถูกผิด จึงได้ทำหนังสือไปที่หน่วยงานที่อนุญาตเผยแพร่อย่างกรมประชาสัมพันธ์   ที่ดูแลโดยตรงว่าเราได้รับแจ้งเครือข่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมว่าไม่เหมาะสม ขอให้กรมประชาสัมพันธ์ช่วยตรวจสอบด้วย หากมีเนื้อหาไม่เหมาะสมจริงขอให้ระงับการออกอากาศ ซึ่งขณะนี้กำลังรอคำตอบจากกรมประชาสัมพันธ์อยู่" น.ส.ลัดดา กล่าว
 
ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังฯ กล่าวอีกว่า ที่ผ่าน มาแม้จะมีการเฝ้าระวังเนื้อหาเพลงที่ส่อไปในทางหมิ่นเหม่เช่นนี้มาโดยตลอด แต่ผู้ผลิต บริษัทเพลงกลับผลิตงานแบบนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง
 
บางทีเพื่อต้องการให้หน่วยงานรัฐออกมาแบน เป็นการประชาสัมพันธ์เพลงให้ดัง ขายดี เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานรัฐที่ออกมาแบน ดังนั้นเรื่องดังกล่าวตนต้องพิจารณาอย่างรอบ คอบ อีกทั้ง วธ. ไม่มีกฎหมายดูแลเนื้อหาเพลง ไม่เหมือนเนื้อหาภาพยนตร์ซีดี วีซีดี ที่ วธ.ดูแลโดยตรง สามารถส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาชี้ถูกผิดและลงโทษได้ทันที ขณะนี้ทำได้แค่เสนอเรื่องไปยังกรมประชาสัมพันธ์พิจารณาและรอคำตอบ กลับมาเท่านั้น.