หมอสูติฯเปิดใจ! ไม่ได้ล่วงเกินคนไข้ เรียก “ที่รัก” ให้คุ้นเคย!! (คลิป)

จากกรณีที่ เพจทนายนิด้า ทนายสาว ได้เผยแพร่เรื่องราวน่าตื่นตระหนกว่าเกิดเหตุหมอสูติคนดังใน จ.นครสวรรค์ ข่มขืนคนไข้สาวตอนตรวจภายใน โดยตอนแรกหมออ้างใช้ของปลอมสอดใส่ แต่กลับใส่ถุงยางให้ของปลอมด้วย พร้อมเผยแพร่แชตที่ดาราสาว บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ทักแชตเล่าเรื่องราวและข้อมูลเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยเหยื่อสาวเข้าแจ้งความกับตำรวจแล้วนั้น ทั้งยังมีผู้เสียหายอีกหลายคนทยอยออกมาแฉพฤติกรรมของหมอรายนี้ นั้น

หมอสูติฯเปิดใจ! ไม่ได้ล่วงเกินคนไข้ เรียก “ที่รัก” ให้คุ้นเคย!! (คลิป)

วันที่ 20 พ.ย. 61 เวลา 16.30 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วยแพทย์หญิงของขวัญ เดินทางไปยังคลินิกนายแพทย์จักรพงษ์ เพื่อเข้าไปตรวจสอบดูที่เกิดเหตุภายในห้องตรวจของคลินิกดังกล่าว โดยในระหว่างเข้าตรวจสอบที่ห้องตรวจภายในคลินิก มีการให้สื่อมวลชนผู้หญิงขึ้นไปนอนบนเตียงห้องตรวจ และขึ้นบนขาหยั่ง

โดยระหว่างนั้นก็มีการสอบถามหมอเกี่ยวกับการตรวจรักษา ทั้งในเรื่องของการให้หมอสาธิตวิธีการตรวจรักษา การจัดท่าทางจำลองการตรวจรักษาคนไข้รายดังกล่าวที่เสียหายขณะตรวจรักษา โดยเข้าไปยืนอยู่ระหว่างเตียงตรวจขาหยั่งทั้งสองข้าง อธิบายถึงวิธีการตรวจรักษา การใช้อุปกรณ์เครื่องมือ รวมถึงอาการป่วยของคนไข้ผู้เสียหายรายดังกล่าวด้วย

ซึ่งในระหว่างการตรวจรักษานั้น มีการสาธิตว่า ถ้าหากคนไข้มีการถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือถูกข่มขืนตามที่เป็นข่าวจริง แล้วมีการตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือจากห้องตรวจ คนภายนอกจะได้ยินเสียงหรือไม่ โดยจำลองให้นักข่าวผู้หญิงที่อยู่บนเตียง

ขณะที่ทีมข่าวยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์พยาบาลด้านหน้าคลินิก โดยทดลองตะโกน “ช่วยด้วย” 1 ครั้ง ครั้งแรกตะโกนเสียงดัง ปรากฏว่าได้ยินเสียงชัดเจน และครั้งที่ 2 ลองพูดเสียงปกติ “คุณหมอทำอะไรคะ” ปรากฏว่าก็ได้ยินเสียงที่ชัดเจนเช่นกัน เนื่องจากผนังที่กั้นระหว่างห้องตรวจไม่มิดชิด ทำให้สามารถได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาได้ เมื่อทำการตรวจคลินิกแล้วเสร็จ ก็จะมีการนำข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ไปประกอบการพิจารณาต่อไป

หมอสูติฯเปิดใจ! ไม่ได้ล่วงเกินคนไข้ เรียก “ที่รัก” ให้คุ้นเคย!! (คลิป)

ในขณะที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเปิดเผยภายหลังจากที่ลงพื้นที่ดูห้องตรวจที่คลินิกดังกล่าวแล้ว ว่า จากจำลองเหตุการณ์และวิธีการตรวจดูแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะมีสิทธิ์ล่วงละเมิดทางเพศคนไข้

และเรื่องการร้องขอความเหลือของคนไข้นั้น ถ้าหากคนไข้ถูกล่วงละเมิดจริง แล้วมีการตะโกนขอความช่วยเหลือก็จะสามารถทำได้และขอความช่วยเหลือได้ แต่กลับไม่มีการขอความช่วยเหลือดังกล่าว ตนจึงมองว่า อาจจะเป็นการสมยอมหรือไม่ ส่วนกรณีที่คนไข้ผู้เสียหายมีแผลช้ำที่บริเวณขานั้น ก็ทีสิทธิ์เป็นไปได้ว่าเป็นแผลจากรอยช้ำจากการตรวจและถูกล่วงละเมิดทางเพศ

นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า จากการจำลองเหตุการณ์ หากมีการจูบปาก การไซ้ลำคอจริง ก็เป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ เพราะเมื่อหมอลองก้มแนบประชิดตัวคนไข้จากการสาธิต ตนเห็นว่าสามารถล่วงละเมิดทางเพศได้

หมอสูติฯเปิดใจ! ไม่ได้ล่วงเกินคนไข้ เรียก “ที่รัก” ให้คุ้นเคย!! (คลิป)

ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ เผยว่า คุณหมอจักรพงษ์ ยอมรับว่า ชอบคนไข้หญิงรายนี้ ซึ่งทั้งคู่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เมื่อคนไข้มาติดต่อเพื่อเข้ารับการตรวจรักษาและมีการพูดคุย ซักประวัติ จึงเกิดความถูกใจและชอบคอกัน ที่ผ่านมา หมอและคนไข้เจอกันเพียง 3 ครั้ง โดยคนไข้มาตรวจภายใน 2 ครั้ง และเข้ามาพบหมออีก 1 ครั้ง กระทั่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ส่วนประเด็นเรื่องเงิน 3 แสนบาทนั้น เป็นเงินที่โอนให้ผู้เสียหายด้วยความเสน่ห์หา โดยมีลักษณะคล้ายกับการเรียกร้องให้หมอรับผิดชอบ และเมื่อเกิดความถูกใจจึงโอนเงินให้ทันที

นายแพทย์จักรพงษ์ อายุ 53 ปี แพทย์สูตินรี ผู้ถูกกล่าวหา ภายหลังจากยอมเปิดคลินิกให้นายอัจฉริยะและสื่อมวลชนเข้ามาดูภายในคลินิก สีหน้าปกติ ไม่มีอาการเครียด และยังคงปฏิบัติหน้าที่และมีการตรวจรักษาคนไข้ตามปกติ

ซึ่ง นายแพทย์จักรพงษ์ เปิดเผยว่า การตรวจรักษาภายในที่คลินิกนั้น เป็นการตรวจรักษาที่ต้องใช้เครื่องอัลตราซาวด์กับคนไข้ ซึ่งการใช้เครื่องมือดังกล่าวจะมีการใช้ถุงยางอนามัยและสอดใส่เครื่องมือเข้าไป อาจจะทำให้คนไข้สัมผัสแล้วเข้าใจคลาดเคลื่อนก็เป็นได้

ส่วนกรณีที่ตนเรียกคนไข้ว่า “ที่รัก” บ่อยครั้งนั้น เป็นเพราะความเคยชินของตน ที่มักจะสร้างความคุ้นเคยเป็นกันเองกับคนไข้ จึงเรียกว่า ที่รัก และอาจจะมีบ้างที่สัมผัสคนไข้ เป็นปกติของหมอที่มีความใกล้ชิดและอยากให้ความเป็นกันเองกับคนไข้ ซึ่งก็แล้วแต่ว่า คนไข้จะคิดว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่

ซึ่งเทคนิคดังกล่าวนั้นก็เพื่อความเชื่อถือ เนื่องจากในหลักจิตวิทยาสื่อสาร ท่าทางสำคัญกว่าทำพูด และขอยืนยันว่า ทุกอย่างที่ทำคือกระบวนการรักษาคนไข้ทั้งหมด เพียงแต่คนไข้อาจจะเกิดความเข้าใจผิดก็เป็นไปได้

นอกจากนี้ หมอจักรพงษ์ ยอมรับว่า โอนเงินให้กับผู้เสียหายจริง เนื่องจากเห็นว่าผู้เสียหายต้องการนำเงินไปสร้างบ้านให้แม่ ตนจึงโอนเงินให้ และยืนยันว่าไม่ได้ใช่เงินปกปิดความผิดแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่มีการเป่าลมที่หู กอดจูบนั้น ไม่ขอให้ข้อมูล หรือตอบคำถามในส่วนนี้

นายสมพงษ์ อายุ 75 ปี ชาวบ้านบริเวณคลินิก เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่เชื่อวว่าหมอจะทำแบบที่เป็นข่าว เพราะหมอเป็นคนดี มีน้ำใจ ตนจอดรถสามล้ออยู่ตรงหน้าร้านหมอ เป็น 10 ปีมาแล้ว ไม่เคยเห็นคุณหมอมีพฤติกรรมอย่างนั้น พวกที่ออกมา 40-50 คน ที่เป็นผู้เสียหาย ให้หาหลักฐานมา อย่ามโนไปเอง

ตอนนี้ที่ตนดูข่าวมีคนแจ้งความเพียงคนเดียว ตนขอท้าว่าให้ออกมาพูดความจริง ตนเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่หมอจะทำแบบนั้น เพราะหมอมีจรรยาบรรณแพทย์สูง หมอขยันมากที่สุด และเป็นอาจารย์หมอที่เก่งที่สุด ตนอยากให้ผู้เสียหายมาแจ้งความ ไม่ต้องมาสัมภาษณ์สื่อฯ ไปสู้กันในชั้นศาล ดูว่าใครจะชนะ

ส่วนเรื่องข่าวที่หมอโอนเงินให้ผู้เสียหาย 300,000 บาทนั้น หมอให้จริง เพราะคุณหมอเป็นคนจิตใจดี ส่วนที่ให้ไปเพราะว่าหมอสงสาร เนื่องจากผู้เสียหายรายดังกล่าวเป็นคนโรคจิต หมอกลัวว่าจะฆ่าตัวตาย และครั้งแรกตนทราบว่าหมอให้เงินไป 50,000 บาท ครั้งหลังอีก 300,000 บาท

ตนอยากให้ไปสู้ในชั้นศาล แล้วถ้าหมอชนะคดี ผู้เสียหายโดนหมอฟ้องกลับ จะมีเงินจ่ายให้หรือไม่ ทั้งนี้ ตนกับภรรยา เข้าไปรักษากับคุณหมอเป็นประจำ รักษาฟรีด้วย และภรรยาก็เคยตรวจภายในกับคุณหมอ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม อยากให้หมอสู้ ๆ เรื่องนี้ถ้าหมอชนะคดี ให้ฟ้องกลับผู้เสียหาย คนที่ออกมาช่วยเหลือผู้เสียหาย และเรียกค่าเสียหายที่ทำให้เสียชื่อเสียง 100 ล้านบาท ตนอยากรู้ว่าจะมีปัญญาหาเงินมาให้หมอไหมหรือไม่

หมอสูติฯเปิดใจ! ไม่ได้ล่วงเกินคนไข้ เรียก “ที่รัก” ให้คุ้นเคย!! (คลิป)

นอกจากนี้ กรณีที่มีผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ เรียกรับเงินเพื่อดำเนินคดีกับคุณหมอรายดังกล่าวนั้น พ.ต.อ.ฐานุพงศ์ แสงซื่อ ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ เปิดเผยว่า เบื้องต้น ต้องแบ่งเรื่องนี้ออกเป็น 2 ส่วน คือ หมอมีการกระทำความผิดจริงหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการรับสินบนจริงหรือไม่

ซึ่งในส่วนของการร้องเรียนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ รับเรียกเงินเพื่อเร่งดำเนินคดีนั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้ ผู้เสียหาย 4 ราย มาให้ปากคำเพิ่มเติม

พ.ต.อ.ฐานุพงศ์ กล่าวต่อว่า ถ้าลูกน้องมีการรับเงินจริง หรือแค่มีพฤติการณ์เรียกรับเงินจริง ตนไม่ปล่อยเอาไว้แน่นอน และทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ตนก็ยังไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวคือใคร จึงอยากให้ผู้เสียหายนำใบบันทึกการแจ้งความมาด้วย จะได้ทราบว่าใครเป็นร้อยเวรที่รับเรื่อง ใครเป็นพนักงานสอบสวน และถ้าเรื่องนี้มีมูลความผิด ตนจะได้เรียกเจ้าหน้าที่เหล่านั้นมาสอบสวนต่อไป

หมอสูติฯเปิดใจ! ไม่ได้ล่วงเกินคนไข้ เรียก “ที่รัก” ให้คุ้นเคย!! (คลิป)

เชิญรับชมคลิปวิดีโอ
vvvv
vvv
vv
v


ที่มา amarintv


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : นก
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 223.205.234.173

223.205.234.173,,mx-ll-223.205.234-173.dynamic.3bb.co.th ความคิดเห็นที่ 4 [อ้างอิง]
หมอของขวัญใช่ปะยืนข้าง


[ วันพุธ ที่ 21 พฤศจิกายน 2561 เวลา 20:02 น. ]
คุณ : me
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 203.151.136.238

203.151.136.238,,238.136.151.203.sta.inet.co.th ความคิดเห็นที่ 6 [อ้างอิง]
wellcome


[ วันอาทิตย์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 11:11 น. ]
ตามข่าวteenee.com จาก LineToday เข้าไปคลิ๊กกดติดตามได้เลย
กระทู้เด็ดน่าแชร์