อุปสรรคโค้งสุดท้ายสุดหินที่ “ตูน” ต้องเผชิญ!! ก่อนก้าวสู่ปลายทางที่แม่สาย พูดเลยหนักไม่ธรรมดา!!

ยังคงต้องตามเอาใจช่วย และให้กำลังใจกันอย่างต่อเนื่อง กับการก้าวตามโครงการ "ก้าวคนละก้าว" ของนายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ "ตูน บอดี้สแลม" ในการวิ่งจากใต้สุดแดนสยาม อ. เบตง จ.ยะลา สู่ปลายทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ระยะทางรวม 2,191 กิโลเมตร ซึ่งในขณะนี้เป็นเวลาเข้าสู่ 7 วันสุดท้ายของการวิ่งแล้ว โดยตูน และคณะฯ กำลังวิ่งอยู่ในพื้นที่ อ.เถิน จ.ลำปาง ซึ่งจากการวิ่งเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2560 ปรากฏว่าทีมวิ่งทำเวลาได้ดี ทำลายสถิติตั้งแต่ที่ออกวิ่งมาจากภาคใต้ ถึงภาคกลาง โดยสามารถวิ่งครบ 4 เซ็ตในเวลา 13.30 น. ของวานนี้

โดยทางด้านของ นายพิชัย ปาพันธ์ นักกายภาพบำบัดชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ เผยถึงสาเหตุที่ทำให้ตูน และคณะฯวิ่งได้เร็วกว่าทุกวัน เนื่องมาจากได้วิ่งในสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบาย โดยมีอุณหภูมิที่ 17-18 องศาเซลเซียส เลยทำให้ไม่เหนื่อยง่าย อีกทั้งเป็นการวิ่งที่ผ่านช่วงชุมชนไม่แออัด บวกกับชาวบ้านให้ความร่วมมือ ต้อนรับอย่างเป็นระเบียบ ก็ทำให้การวิ่ง 2 วัน ใน จ.ลำปาง ตูนไม่มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด ขณะที่มีชาวบ้านมาส่งเสียงเชียร์ตลอดเส้นทางเพื่อให้กำลังใจทีมก้าวคนละก้าว รวมทั้งร่วมกันบริจาคเงินสมทบเข้าโครงการ

อย่างไรก็ตาม แม้จะสามารถทำเวลาในการวิ่งได้ดี อันเนื่องด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบาย และได้รับความร่วมมือจากประชาชนที่ดี แต่ตลอดการวิ่งในภาคเหนือ ตูน และคณะฯยังต้องเจอกับสภาพถนนเป็นเนินขึ้น-ลงเขา ทำให้ทีมก้าวต้องปรับลดระยะทางให้เหลือเพียง 50 กิโลเมตรต่อวัน จากปกติวิ่ง 60-70 กิโลเมตรต่อวัน เพื่อถนอมสุขภาพของตูน

ด้านนายประชารัตน์ แช่จู หัวหน้าทีมสำรวจเส้นทางโครงการก้าวคนละก้าว ระบุว่า ตั้งแต่ อ.สามเงา จ.ตาก, อ.เถิน และ อ.ง้าว จ.ลำปาง นับเป็นเส้นทางขึ้น-ลงเขา ไม่ต่ำกว่า 200 กิโลเมตรที่ทีมวิ่งต้องเจอ ดังนั้นเมื่อสำรวจเส้นทางเสร็จแล้ว ทีมแพทย์และนักวิ่งจะต้องประชุมร่วมกันเพื่อประเมินความพร้อม ในขณะที่นักวิ่งอาชีพ อย่างนายสาธิก ธนะทักษ์ ได้ยอมรับว่า ถนนภาคเหนือเป็นเส้นทางปราบเซียน หากไม่ได้ซ้อมวิ่งขึ้น-ลง บันไดมาก่อนก็จะบาดเจ็บได้ง่าย และหากหยุดวิ่งรับเงินบริจาคในช่วงลงเนินก็มีความเสี่ยงที่ตูนจะได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากต้องหยุดกระทันหัน

ซึ่งตูน เหลือเวลาวิ่งในช่วงโค้งสุดท้ายอีก 7 วันเท่านั้น และมีเวลาพักเพียง 1 วัน แต่ต้องเก็บระยะให้ได้อย่างน้อยกว่า 50 กิโลเมตร ในแต่ละวัน เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทาง ที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้ทันตามกำหนดในวันที่ 25 ธันวาคม 2560 ที่จะถึงนี้!!