เตรียมรับหัวใจ-สมอง “น้องเมย” 23 พ.ย.นี้!! คาดรู้ผลชันสูตรศพสิ้นเดือน

จากกรณีนายพิเชษฐ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ ร้องต่อสื่อมวลชนว่านายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย ลูกชายซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเพียง 1 วัน และไม่ได้รับคำชี้แจงที่ละเอียดจากผู้เกี่ยวข้อง ได้รับเพียงใบมรณบัตรชี้แจงสาเหตุการตายจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จากนั้นได้นำพร้อมนำศพนายภคพงศ์ไปชันสูตรหาสาเหตการเสียชีวิตพบว่า อวัยวะภายใน และสมองหายไปนั้น

เตรียมรับหัวใจ-สมอง “น้องเมย” 23 พ.ย.นี้!! คาดรู้ผลชันสูตรศพสิ้นเดือน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 พ.ย. ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ (สนว.) นายสมณ์ พรหมรส ผอ.สนว. พร้อมด้วยนพ.ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รอง ผอ.สนว. และพญ.ปานใจ โวหารดี ผอ.กองส่งเสริมและพัฒนางานนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกันให้สัมภาษณ์ตอบปัญหาในประเด็นที่ทุกคนแคลงใจเรื่องการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ว่า จากกรณีการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ถือเป็นเรื่องที่ทุกคนในสังคมสงสัยและแคลงใจ โดยในวันนี้จึงอยากออกมาตอบคำถามเพื่อเป็นประโยชน์ต่อ สาธารณะ โดยในวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้ส่งร่างของนายภคพงศ์มาทำการตรวจสอบชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง


นายสมณ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 30 ต.ค. มีการตั้งคณะกรรมการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจพิสูจน์และผ่าชันสูตรครั้งที่ 2 โดยในวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา จึงพบว่าร่างของนายภคพงศ์มีอวัยวะภายในที่หายไป คือ หัวใจ สมอง และกระเพาะอาหาร จึงแจ้งกับพนักงานสอบสวนว่ามีอวัยวะภายในบางส่วนที่หาย จึงขออวัยวะที่หายไปคืน เนื่องจากทางเราต้องทำรายงานผลการตรวจพิสูจน์เพื่อสาเหตุข้อเท็จจริงให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้ผลตรวจยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะเรายังขาดอวัยวะอีก 2 ส่วน คือ หัวใจและสมอง ทั้งนี้ คาดว่าผลการตรวจจะแล้วเสร็จภายใน 7 วัน หรือสิ้นเดือน พ.ย.นี้ก็น่าจะทราบแล้ว ส่วนอวัยวะภายในทั้ง 2 ส่วนนั้น ในวันที่ 23 พ.ย.นี้ ทางพนักงานสอบสวนจะนำมามอบให้กับทางสนว. เพื่อคณะแพทย์ทำการตรวจสอบ


ผอ.สนว. กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้มีการพูดคุยกับทางทีมแพทย์ชันสูตรศพ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และทางพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้แจ้งว่าอวัยวะภายในบางส่วนของนายภคพงศ์หายไป โดยสนว.ทราบจากการผ่าชันสูตรรอบ 2 จึงได้แจ้งให้ทางครอบครัวของนายภคพงศ์ทราบและอนุญาตให้สามารถเข้าไปดูการผ่าชันสูตรศพได้

ด้าน นพ.ไตรยฤทธิ์ กล่าวถึงข้อสงสัยที่ว่าในการผ่าชันสูตรศพและนำอวัยวะออกมาเพื่อตรวจนั้น ต้องมีการแจ้งกับทางญาติหรือไม่ ว่า กรณีดังกล่าวขึ้นอยู่กับว่าผู้ตายเสียชีวิตอย่างไร ซึ่งทางการแพทย์มีการเสียชีวิตอยู่ 2 แบบ คือ 1.เสียชีวิตแบบธรรมชาติ คือ เกิดจากโรคภัย หมอทราบสาเหตุชัดเจน และ 2.การเสียชีวิตจากสาเหตุที่ไม่สอดคล้องกับการรักษา ทางแพทย์ก็จะมีการผ่าชันสูตรศพ ในการเสียชีวิตแบบธรรมชาติทางแพทย์สามารถนำศพไปชันสูตรได้ต้องขออนุญาตจากครอบครัวหรือญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตก่อน เพื่อให้เป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน


นพ.ไตรยฤทธิ์ กล่าวต่อว่า แต่ถ้าหากเป็นการเสียชีวิตของนายภคพงศ์นั้น เป็นการเสียชีวิตที่ยังหาสาเหตุไม่ชัดเจน ทางพนักงานสอบสวนจึงส่งร่างมาเพื่อผ่าพิสูจน์เป็นในส่วนของรูปคดี ทางการแพทย์จะทำการผ่าชันสูตรทันทีเพื่อความรวดเร็วของรูปคดีให้ชัดเจนถึงสาเหตุของการตายมากยิ่งขึ้น

ขณะที่พญ.ปานใจ กล่าวเสริมว่า แนวปฏิบัติต้องแยกระหว่างการเสียชีวิตในรูปคดีจำเป็นต้องมีการชันสูตรร่วมระหว่างตำรวจกับแพทย์นิติเวช แตกต่างจากการเสียชีวิตด้วยโรคทั่วไป การเสียชีวิตทางคดีทางแพทย์สามารถชันสูตรศพได้เลยโดยไม่ต้องบอกญาติ แพทย์เก็บอวัยวะชิ้นใหญ่ไปตรวจเพิ่ม ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีมาตราฐานที่ชัดเจนในเรื่องของการขออนุญาตนำอวัยวะศพไปชันสูตรหาสาเหตุการตายในรูปคดี ทางการแพทย์ถือว่าเป็นรูปคดี นำอวัยวะไปตรวจให้รู้สาเหตุและรู้คำตอบทางคดี จากนั้นจะแจ้งให้ญาติทราบ


พญ.ปานใจ กล่าวอีกว่า ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่ญาติทำร้ายร่างกายผู้ตายเอง และผู้ตายเสียชีวิตแล้ว มีกฎหมายมาทางการแพทย์แจ้งให้แพทย์และตำรวจสามารถเก็บร่างกายของผู้ตายและชันสูตรหรือหาสาเหตุของการตายได้ทุกอย่าง และอำนาจในการตัดสินใจหาสาเหตุการตายเพื่อให้ได้คำตอบที่เร็วที่สุดและคลี่คลายคดีได้อย่างชัดเจน ส่วนการแจ้งสาเหตุการตายว่า หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันนั้น ในขณะนั้นแพทย์จะต้องรีบหาสาเหตุเบื้องต้น เพื่อแจ้งให้กับญาติของผู้เสียชีวิตก่อน 24 ขั่วโมง แพทย์จึงต้องรีบหาสาเหตุและส่งให้เร็วที่สุด โดยทางการแพทย์วินิจฉัยว่าหัวใจและสมอง คืออวัยสะสำคัญที่บอกสาเหตุได้ จึงได้เขียนรายงานเบื้องต้นก่อน ภายหลังมีการผ่าชันสูตรตรวจเพิ่มเติม ก็สามารถเปลี่ยนสาเหตุการตายได้ โดยถือว่าไม่มีการขัดแย้ง

ผู้สื่อถามว่า จากข้อสงสัยในเรื่องการทำซีพีอาร์ หรือปั๊มหัวใจ จนทำให้กระดูกซี่โครงหัก 4 ซี่ มีรอยช้ำในช่องท้อง ไหปลาร้าหัก 2 ข้าง มีส่วนเป็นไปได้หรือไม่ พญ.ปานใจ กล่าวว่า มีส่วนที่เป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่อยู่หน้างานว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องทำอย่างไรให้สามารถช่วยเหลือคนไข้ให้ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด จากประสบการณ์โดยตรงเคยเจอคนไข้ที่หัวใจแตก เพราะเกิดจากการทำปั๊มหัวใจ ซึ่งกรณีของนายภคพงศ์สามารถเป็นไปได้ แต่ยังไม่สรุปให้ชัดเจนเนื่องจากผลการตรวจยังไม่ออก คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์หน้า


ที่มา : ข่าวสด


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : ต้องชมนะเว้ย
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 124.120.6.35

124.120.6.35,,ppp-124-120-6-35.revip2.asianet.co.th ความคิดเห็นที่ 2 [อ้างอิง]
มีแต่ชม ทะเอี้...


[ วันพุธ ที่ 22 พฤศจิกายน 2560 เวลา 21:41 น. ]
คุณ : me
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 203.151.136.238

203.151.136.238,,238.136.151.203.sta.inet.co.th ความคิดเห็นที่ 4 [อ้างอิง]
wellcome


[ วันอาทิตย์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 11:08 น. ]
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์