เมาขับ-จับข้อหาอื่น ทั้งที่ชนท้ายมีคู่กรณี ตำรวจไทยยุคปฏิรูป!

เมาขับ-จับข้อหาอื่น ทั้งที่ชนท้ายมีคู่กรณี ตำรวจไทยยุคปฏิรูป!


แค่ปรับเรื่องจิ๊บจ๊อย เพราะมีคนโทร.มาขอ ผกก.เต้น-สั่งรายงาน

หนุ่มเมาซิ่งรถบีเอ็มดับบลิว เปิดประทุน เสยท้ายรถกระบะรับ-ส่งคนงานสร้างรางรถไฟฟ้าตกลงกันไม่ได้ ตำรวจ สน.บางกอกน้อย พามาสอบสวน พบรถที่ขับมาด้านหน้าเป็นทะเบียนปลอม ด้านหลังติดป้ายทะเบียนจริง เจ้าตัวอ้าง "เฉลิม อยู่บำรุง" เป็นญาติทางพ่อ มีนายตำรวจโทร.มาขอข้อหาเมาแล้วขับ สุดท้ายเลยโดนแจ้งปรับเพียง 3 กระทงก่อนปล่อยตัวซิ่งรถสปอร์ตเปิดประทุนชนท้ายรถกระบะ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 18 มิ.ย. ร.ต.อ.รถิก เพิ่มพร รอง สว. (สอบสวน) สน.บางกอกน้อย รับแจ้งรถชนกันคู่กรณีตกลงกันไม่ได้ บริเวณสามแยกบางขุนนนท์ ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนนนท์ เขต บางกอกน้อย กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมผู้เกี่ยวข้อง

ที่เกิดเหตุพบรถสปอร์ตเปิดประทุน บีเอ็มดับบลิว 323 CI สีขาว ทะเบียน ภฐ 323 กรุงเทพมหานคร สภาพกระโปรงหน้ายุบ ไฟเลี้ยวด้านซ้ายหลุด ชนเสียบคาอยู่ที่ท้ายรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ทะเบียน ตส 8552 กรุงเทพมหานคร มีคนงานนั่งอยู่เต็มท้ายกระบะ ส่วนเจ้าของรถสปอร์ตมีอาการมึนเมาออกมายืนโวยวายทราบชื่อนายทศพล หรือบิ๊ก ตั้งสัมฤทธิ์กุล อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119/16 ซอยบางแวก 85 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม. ระหว่างนั้นเจ้าตัวอ้างว่ารู้จักกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ทั้งยังกล่าวหาว่านายประพิต เมินดี อายุ 45 ปี โชเฟอร์ รถกระบะเป็นฝ่ายผิด เพราะเบรกรถกะทันหัน เจ้าหน้าที่จึงเชิญทั้งสองฝ่ายไปสอบสวนที่ สน.บางกอกน้อย

สอบสวนนายประพิตให้การว่า ตนกับคนงานทั้งหมดเป็นพนักงานของบริษัท ยูนิค คอร์เปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด อยู่ระหว่างการก่อสร้างรางรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน ช่วงหน้าตลาดบางขุนศรี ถนนจรัญสนิทวงศ์ หลังเลิกงานขับรถจะกลับที่พักย่านบางพลัด เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุสามแยกบางขุนนนท์ มีการก่อสร้างรางรถไฟฟ้า ทำให้รถทุกคันต้องลดความเร็วเพื่อเบี่ยงขวา ทำให้รถคู่กรณีขับมาด้วยความเร็ว ชนท้ายรถตนอย่างจังจนกันชนหลุด ขณะที่นายทศพลให้การด้วยความมึนเมาว่า ก่อนเกิดเหตุไปดื่มกินกับเพื่อนที่ร้านอาหารย่านถนนราชพฤกษ์ เขตตลิ่งชัน อยู่ระหว่างขับรถกลับที่พักย่านสะพานพระราม 8 เมื่อถึงที่เกิดเหตุรถกระบะเบรกกะทันหัน จึงชนท้ายเข้าอย่างจัง ส่วนที่อ้างว่ารู้จักกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นั้น ยืนยันว่า ร.ต.อ.เฉลิมเป็นญาติทางฝ่ายพ่อของตนจริง

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่นำเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์มาให้นายทศพลเป่า พบมีปริมาณแอลกอฮอล์ 104 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สูงกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้กว่า 2 เท่า นอกจากนี้ ยังพบแผ่นป้ายทะเบียนด้านหน้าของรถสปอร์ตนายทศพล พบว่าใช้ทะเบียน ฎฐ 323 กรุงเทพมหานคร ไม่มีปั๊มตัวย่อ ขส. (กรมการขนส่งทางบก) ส่วนทะเบียนท้าย คือ ภฐ 323 กรุงเทพมหานคร มีผู้ครอบครองคือนายทศพล เจ้าตัวให้การอ้างว่า ซื้อรถคันดังกล่าวมาจากเต็นท์รถมือสองย่านถนนกาญจนาภิเษก เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในราคา 2 ล้านกว่าบาท ไม่ได้สังเกตว่าทะเบียนไม่เหมือนกัน ตรวจสอบไม่พบข้อมูลทางคดี ร.ต.อ.รถิก จึงแจ้งข้อหานายทศพล ประกอบด้วยขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ไม่พกพาใบอนุญาตขับขี่และติดแผ่นป้ายทะเบียนไม่ถูกต้อง ปรับข้อหาละ 500 บาท รวมค่าปรับ 1,500 บาท ก่อนปล่อยตัวนายทศพลไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเด็นเมาแล้วขับนั้น พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อหากับนายทศพล เนื่องจากเมื่อคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาถึง สน.บางกอกน้อย ได้ไม่นาน มีนายตำรวจยศ พ.ต.ท.นายหนึ่งที่อยู่สน.อื่น ในพื้นที่ บก.น.7 โทร.มาสอบถามเรื่องนี้กับพนักงานสอบสวน แล้วขอร้องให้แจ้งข้อหาอื่นแทน ในที่สุดนายทศพลจึงถูกแจ้งข้อหา 3 ข้อหา ที่มีโทษเพียงปรับข้อหาละ 500 บาท ก่อนปล่อยตัวไป

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามพ.ต.อ.คมสัน แตงจุ้ย ผกก.สน.บางกอกน้อย ได้รับคำตอบว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างให้พนักงานสอบสวนเร่งรายงานเหตุผลและข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นมาให้ทราบ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์