ยธ.เผยไทยไม่มีการประหารนักโทษ 7 ปี 9 เดือน ลั่นโทษประหารไม่ช่วยหยุดอาชญากรในไทย

ยธ.เผยไทยไม่มีการประหารนักโทษ 7 ปี 9 เดือน ลั่นโทษประหารไม่ช่วยหยุดอาชญากรในไทย

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการลงโทษการประหารชีวิต ว่า จากผลการวิจัยทั่วโลก การประหารชีวิตไม่ได้มีผลต่อการยับยั้งอาชญากรรมที่รุนแรง หรือทำให้สังคมปลอดภัยขึ้นได้ แต่ยังส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่อสังคม กระบวนการยุติธรรมทางอาญาได้ เพราะย่อมมีความเสี่ยงที่จะตัดสินผิดพลาดได้ เนื่องจากไม่มีระบบใดที่จะสามารถตัดสินได้อย่างเป็นธรรม สม่ำเสมอ โดยที่ไม่มีข้อบกพร่องได้ เพราะอาจมีแพะที่ถูกประหารชีวิตไปแล้ว ย่อมไม่อาจสามารถเรียกชีวิตกลับคืนมาได้ ทั้งนี้ ยังมีข้อค้นพบว่านักโทษที่ถูกประหารชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นคนยากจน และคนด้อยโอกาส ซึ่งไม่สามารถว่าจ้างทนายความที่มีความสามารถเพื่อให้ความรู้และแก้ต่างให้กับตนเองได้ นอกจากนี้ นักมนุษยวิทยาเห็นว่าการประหารชีวิตเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ การประหารชีวิตทุกวิธีก่อให้เกิดความทรมานต่อนักโทษอย่างแสนสาหัส ถึงแม้ว่าผู้กระทำผิดเหล่านี้จะได้ก่อเหตุรุนแรงมาแล้วก็ตาม

นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า ฉะนั้น หลักของการลงโทษต้องไม่ควรเป็นไปเพื่อการแก้แค้นทดแทน แต่ต้องเป็นไปเพื่อการแก้ไขและเยียวยาทั้งตัวผู้กระทำความผิดและเหยื่อน่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคม ทั้งนี้ จากข้อมูลของเดือน เม.ย. 2560 มีนักโทษต้องโทษประหารชีวิต ทั้งหมด 447 ราย จำแนกเป็น 1.คดียาเสพติดให้โทษ ระหว่างชั้นอุทธรณ์ เป็นนักโทษชาย 105 ราย หญิง 51 ราย, ชั้นฎีกา เป็นชาย 12 ราย หญิงไม่มี และในชั้นเด็ดขาดคดีถึงที่สุดแล้ว เป็นชาย 55 ราย หญิง 13 ราย 2.คดีความผิดทั่วไป เช่นคดีฆ่าคนตาย อยู่ระหว่างชั้นอุทธรณ์ เป็นชาย 110 ราย หญิง 6 ราย, ชั้นฎีกาเป็นชาย 6 ราย ส่วนหญิงไม่มี และนักโทษชั้นเด็ดขาดคดีถึงที่สุดแล้ว เป็นชาย 85 ราย และหญิง 4 ราย จากสถิติดังกล่าวพบว่าโทษประหารชีวิตในคดีทั่วไปมีจำนวนมากกว่าคดียาเสพติดให้โทษ

สำหรับนักโทษประหารจะถูกควบคุมจำแนกตามเรือนจำดังนี้ 1.เรือนจำกลางบางขวาง 275 คน 2.เรือนจำกลางคลองเปรม 2 คน 3.เรือนจำกลางเขาบิน 19 คน 4.เรือนจำกลางสงขลา 31 คน 5.เรือนจำกลางพิษณุโลก 6 คน 6.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 46 คน 7.ทัณฑสถานหญิงกลาง 57 คน 8.ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา 4 คน และ 9.ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ 7 คน

"การประหารชีวิตด้วยวิธีการยิงเป้านักโทษประหารชีวิตรายสุดท้ายเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2545 ส่วนการประหารชีวิตด้วยวิธีการฉีดสารพิษตามกฎหมายใหม่ มี 6 ราย เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2546 เป็นชาย 4 ราย นักโทษคดียาเสพติด 3 ราย คดีความผิดต่อชีวิต 1 ราย และครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2552 เป็นนักโทษเด็ดขาดและต้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติด 2 ราย หลังจากนั้น จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการประหารชีวิตอีกเลย รวมเวลา 7 ปี 9 เดือน ซึ่งหากไม่มีการประหารชีวิต 10 ปีติดต่อกัน ทางองค์การสหประชาชาติจะถือว่าเป็นประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิต


ยธ.เผยไทยไม่มีการประหารนักโทษ 7 ปี 9 เดือน ลั่นโทษประหารไม่ช่วยหยุดอาชญากรในไทย


ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ธวัชชัย ไทยเขียว , ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์