แม่เด็กขาขวดซวยโดนฉกเงินบริจาค

ครอบครัวทารกวัย 1 เดือน ที่ถูกโซ่รถจักรยานยนต์ตัดขาซวยซ้ำ


แม่ถูกโจรฉกกระเป๋าเงินพร้อมเอกสาร ขณะบอกหมายเลขบัญชีให้ผู้ใจบุญ ผอ.รพ.ราชบุรีเผยอยากให้บริจาคเงินเข้า รพ.เพราะกลัวพ่อแม่นำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ รอง ผอ.สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติยันเด็กรักษาฟรี ยันโรงพยาบาลไม่เคยเรียกเก็บเงินค่ารักษา


หลังจากที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวเรื่อง ด.ช.รณกร บุญเอื้อ หรือน้องเพชร อายุ 1 เดือน 3 วัน ที่ถูกตัดขาด้านขวาถึงหัวเข่า

เพราะถูกโซ่รถจักรยานยนต์ที่พ่อขี่ตัดจนขาดเมื่อเช้าวันที่ 21 สิงหาคม ที่บนถนนคฑาธร หน้าโรงเรียนดรุณาราชบุรี เขตเทศบาลเมืองราชบุรี และแพทย์โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรีรับตัวเข้ารักษาพร้อมดูแลอย่างใกล้ชิด ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นายสุทิน คันทม อายุ 32 ปี และนางบุญมา บุญเอื้อ อายุ 30 ปี พ่อและแม่ของ ด.ช.รณกร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ตนทั้งสองรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของผู้ใจบุญทุกท่านที่ร่วมบริจาคเงินเข้าบัญชีเพื่อช่วยเป็นค่ารักษาพยาบาลลูกชาย ซึ่งขณะนี้ยังนอนพักอยู่ในห้องไอซียูเด็ก โรงพยาบาลราชบุรี  ล่าสุดมียอดเงินบริจาคเข้ามามากกว่า 5 หมื่นบาท และขอสัญญาว่าจะเก็บเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาลูก และจะเก็บไว้สำหรับอนาคตของลูกด้วย 
 

ขณะเดียวกัน จนถึงขณะนี้ก็ยังมีผู้มีน้ำใจโทรศัพท์มาสอบถามอาการ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย

ตนจึงไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไร  ได้แต่ขอขอบคุณทุกท่าน รวมทั้งญาติพี่น้องที่ทราบข่าวที่เดินทางมาให้กำลังใจ และแสดงความเป็นห่วงลูกชาย ส่วนอาการของลูกชาย ล่าสุดพบว่าลูกดีขึ้น รู้สึกตัวแล้ว นอนลืมตา และรับรู้เมื่อเรียกชื่อ แต่แพทย์ยังไม่ได้ให้กินนมแม่



"ตอนนี้สงสารลูกใจแทบขาด อยากจะให้ลูกกินนมแม่เพื่อให้มีร่างกายที่แข็งแรงมากกว่านี้" นางบุญมา กล่าว


มีรายงานด้วยว่า มีผู้ใจบุญหลายรายโทรศัพท์ไปขอหมายเลขบัญชีเพื่อจะโอนเงินบริจาคให้ โดยโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรีเพื่อสอบถามถึงการบริจาค และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแจ้งว่าให้บริจาคไปที่โรงพยาบาล ทำให้ผู้บริจาคเองสับสนว่าหากโอนเงินไปแล้วจะถึงมือครอบครัว ด.ช.รณกร หรือไม่ เพราะยังไม่มีการตั้งกองทุนช่วยเหลือหรือเปิดบัญชีเพื่อน้องเพชรเลย นางบุญมาจึงให้บริจาคเงินเข้าบัญชีของตนแทน คือบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโรบินสันราชบุรี ชื่อบัญชีนางบุญมา บุญเอื้อ  


ด้าน นพ.ธนินทร์ พันธุเตชะ ผอ.โรงพยาบาลราชบุรี กล่าวถึงอาการล่าสุดของ ด.ช.รณกร ว่าขณะนี้อาการดีขึ้นมาก

โดยเฉพาะแผลดีขึ้นแล้ว มีการตอบสนองกับผู้ที่เข้าไปใกล้  ซึ่งช่วงนี้ก็จะให้แม่เข้าไปเยี่ยมบ่อยๆ เพื่อให้เด็กได้ใกล้ชิดกับแม่ ส่วนเรื่องการตั้งกองทุนเพื่อรับเงินบริจาคเป็นค่ารักษาพยาบาลของน้องเพชรนั้น ขณะนี้กำลังหารือกับกาชาดจังหวัดราชบุรีว่าจะดำเนินการอย่างไร "ผู้ที่ต้องการจะบริจาคแจ้งความประสงค์มาว่าจะบริจาคเป็นค่ารักษาพยาบาล โดยผ่านทางโรงพยาบาล เพราะถ้าเข้าบัญชีของพ่อแม่ เงินอาจจะนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ได้ โรงพยาบาลเองก็คิดไว้ตั้งแต่ตอนแรกว่าจะไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่เมื่อจะมีคนมาบริจาค ก็จะนำค่าใช้จ่ายมาพิจารณาใหม่ เพราะไม่ใช่แค่รักษาตัวในช่วงนี้ แต่จะต้องรักษาตลอดไป และยังมีเรื่องขาเทียมที่จะต้องมีการเปลี่ยนตลอด ตามอายุของเด็ก ซึ่งจะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดอีกครั้ง"  ผอ.โรงพยาบาลราชบุรี กล่าว


อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเคราะห์ร้ายยังตามซ้ำเติมครอบครัวนี้

โดยนางบุญมา แม่ของ ด.ช.รณกร เปิดเผยว่า เมื่อเย็นวันที่ 22 สิงหาคม ขณะที่ตนรับโทรศัพท์จากผู้ที่จะขอรายละเอียดบริจาคเงินช่วยลูก โดยวางกระเป๋าไว้ข้างตัว ปรากฏว่า เมื่อโทรศัพท์เสร็จ ก็ไม่พบกระเป๋าที่วางไว้ข้างตัว จึงเชื่อว่าถูกคนขโมย โดยของที่สูญหายไปพร้อมกระเป๋า เป็นเงินที่มีคนบริจาคช่วยกว่า 5,000 บาท บัตรเอทีเอ็ม ใบเกิดของลูก และเอกสารอีกหลายรายการ และได้ไปแจ้งความของหายไว้ที่  สภ.อ.เมืองราชบุรี แล้ว


ส่วนการรักษาพยาบาลนั้น นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รอง ผอ.สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ชี้แจงว่า

สปสช.ได้ประสานงานไปยังโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี  ซึ่งได้รับคำยืนยันว่าโรงพยาบาลไม่เคยเรียกเก็บเงินค่ารักษาพยาบาล ซึ่งจากการประสานงานกับทางโรงพยาบาล ก็พบว่า ด.ช.รณกร  เป็นสิทธิว่าง เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งให้ผู้ปกครองเด็กนำเอกสารหลักฐานมาเพื่อจะได้ช่วยลงทะเบียนสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ และเวลานี้ ด.ช.รณกร ก็ได้รับสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าแล้ว การรักษาพยาบาลก็เป็นไปตามสิทธิบัตรทองทุกประการ ไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาล


โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรีแจ้งว่าถึงแม้ไม่มีสิทธิใดก็ให้การรักษาตามมาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชีพ และมีสังคมสงเคราะห์พร้อมให้ความช่วยเหลือ ซึ่งโรงพยาบาลได้ให้การรักษาเต็มที่ตั้งแต่แรกรับ และเตรียมการเรื่องใส่ขาเทียมให้ ซึ่งต้องเตรียมล่วงหน้าก่อนเด็กหัดคลาน ปัจจุบันอาการทั่วไปดีขึ้น ต้องชื่นชมในการทำงานที่เข้มแข็งของโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี ขณะเดียวกันการที่ประเทศไทยมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าก็เป็นหลักประกันถึงคุณภาพชีวิตของคนไทยที่ไม่ต้องล้มละลายจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาลเป็นไปตามแนวทางของรัฐที่ให้หลักประกันด้านสุขภาพแก่ประชาชนคนไทยทุกคน" นพ.ประทีป  กล่าว



ขอขอบคุณภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์