ไชยาอึ้ง-ไม่ตอบ แต่งงานแก้เคล็ด

หลังจากพระเอกลิเกชื่อดัง เอ-ไชยา มิตรชัย เข้ารับการรักษาบาดแผลที่ถูกลวดแทงเข้าตาดำข้างขวา ที่ รพ.จักษุรัตนิน มาได้หลายวัน จนอาการดีขึ้นเป็นลำดับ ท่ามกลางความห่วงใยของผู้หลักผู้ใหญ่และแฟนคลับ เข้ามาเยี่ยมอาการอย่างไม่ขาดสายนั้น กระทั่งเมื่อบ่ายวันที่ 21 ส.ค. เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้เข็นรถที่มี เอ-ไชยา นั่งอยู่ออกมาจากห้องพักเลขที่ 402 ชั้น 4 โดยมีน้องสาว แอน มิตรชัย และมารดา นางวงค์เดือน สมบูรณ์ ตามออกมาด้วย ซึ่ง เอ-ไชยา ได้มอบกระเช้าของเยี่ยมทั้งหมดให้แก่ตัวแทนของโรงพยาบาลสงฆ์

จากนั้นลิเกหนุ่มเปิดเผยว่า
 
วันนี้เป็นวันพระ จึงอยากทำบุญ โดยนำกระเช้าผลไม้และเครื่องดื่มบำรุงร่าง กายที่บรรดาแฟนๆ นำมาเยี่ยม ไปมอบให้แก่โรงพยาบาลสงฆ์ เพราะทราบว่ามีพระอาพาธและนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ส่วนอาการบาดเจ็บของตนที่ตาขวา ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุลวดมัดฉากข่วนโดนผิวตาดำเมื่อหลายวันก่อน ดีขึ้นกว่าวันแรกที่มา เมื่อช่วงเช้าได้พบกับหมอเจ้าของไข้ก็ไม่ได้ให้ใส่คอนแทคเลนส์ แต่เริ่มมองเห็นบ้างแล้วแม้จะยังมัวๆอยู่ ซึ่งหมอได้ให้ยาหยอดตาแทนยาชา แต่ถ้าเมื่อเกิดอาการปวดมากก็กินยาแก้ปวด อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณคณะแพทย์ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่ให้การรักษาในเบื้องต้นเป็นอย่างดี และขอขอบคุณโรงพยาบาลจักษุรัตนินที่ให้การรักษาต่อได้ดีมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลเกี่ยวกับเรื่องตาหรือไม่

เอ-ไชยา ตอบว่า ยอมรับว่ากังวลมาก ส่วนเรื่องการออกจากโรงพยาบาลนั้น คงต้องรอคุณหมอบอกว่าจะให้ออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ ส่วนตัวอยากกลับเพราะห่วงงานและเกรงใจโรงพยาบาลกับผู้ป่วยข้างๆห้อง กลัวว่าจะไปรบกวน ไม่อยากสร้างปัญหาให้โรงพยาบาล อีกอย่างคนที่มาเยี่ยมก็ไม่ได้รับความสะดวก ต้องขอโทษไว้ในที่นี้ด้วยจริงๆ ส่วนเรื่องาน หมอคงให้หยุดรับชั่วคราวอาจนานเป็นเดือน อยากฝากถึงแฟนๆ ทุกคนและขอโทษเจ้าภาพงานต่างๆที่รับคิวไว้ แต่ไม่ได้ไป ต้องให้แอนไปโชว์ตัวแทน และขอขอบคุณแฟนคลับทุกคนพร้อมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนงที่ดูแลตนเป็นอย่างดี

เมื่อถามอีกว่า ได้อุทาหรณ์จากอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างไรบ้าง

เอ-ไชยา ตอบว่า ชีวิตเราควรไม่ตั้งอยู่ในความประมาท ความจริงแล้วก่อนที่ลวดจะเกี่ยวตา ตนถูกลวดเกี่ยวบริเวณหัวคิ้วไปครั้งหนึ่งแล้วและมีคนเตือนให้ระวังแต่คิดว่าไม่เป็นไร สุดท้ายก็โดนลวดข่วนตาจนได้ ต่อข้อถามกรณีข่าวที่ออกมาว่าการแก้เคล็ดของ เอ-ไชยา จะต้องแต่งงานจริงหรือไม่ ปรากฏว่า ลิเกหนุ่มไม่ตอบ แต่นางวงค์เดือน ผู้เป็นแม่กลับตอบแทนว่า ไม่เกี่ยวกัน

ด้าน แอน มิตรชัย กล่าวว่า พี่ชายเริ่มบ่นว่าอยาก จะกลับบ้านแล้ว
 
ซึ่งทาง รพ.ได้เตรียมแว่นกันแสงไว้ให้แล้ว เพื่อใส่เวลาที่เดินทางกลับบ้าน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายยังไม่ได้คุยกับ รพ.ว่าต้องจ่ายเท่าไร สำหรับตน ตอนนี้ต้องออกโชว์ตัวแทนพี่ชายจนไม่มีเวลาทำวิทยานิพนธ์ อาจทำให้จบปริญญาโทไม่ทันในปีนี้อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ไม่ใช่ปัญหา ระหว่างพี่ชายกับการเรียน ตนขอเลือก ดูแลพี่ชายก่อน จากนั้นในช่วงเย็น ทาง รพ.ได้ออกแถลงการณ์ อาการบาดเจ็บทางตาของ ไชยา มิตรชัย ประจำวันที่ 21 ส.ค.2550 ว่าสภาพอาการทางดวงตาที่ตรวจ พบว่าดีขึ้น หลังจากใช้ยาลดการอักเสบ ไม่ปรากฏภาวะติดเชื้อแทรกซ้อน ผิวกระจกตาดำเรียบขึ้นเรื่อยๆ และความขุ่นบริเวณแผลลดน้อยลง ผู้ป่วยมีภาวะการมองเห็นดีขึ้นกว่าเมื่อวาน สภาพฟิล์มน้ำตาปกติขึ้น แต่ยังคงต้องติดตามประเมินผลอาการอีกครั้งในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ก่อนจะพิจารณาว่าให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้หรือไม่