ชูวิทย์ชดใช้ 5.7ล. คดีรื้อบาร์เบียร์

ศาลแพ่งพิพากษาให้ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กับพวก จ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหาย


ฐานละเมิด ในคดีรื้อบาร์เบียร์ให้แก่เหยื่อ 6 ราย รวมเป็นเงินเกือบ 6 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 30 ราย ยังฟังไม่ได้ว่าละเมิด ให้ยกฟ้อง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กับพวกถูกศาลพิพากษาให้ชดใช้ ค่าเสียหายคดีรื้อบาร์เบียร์ ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้วันที่ 15 ส.ค. ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่ น.ส.พรทิพย์ สร้อยโพธิ์ กับพวก รวม 25 คน ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการบาร์เบียร์ย่านสุขุมวิทสแควร์ เป็นโจทก์ฟ้องบริษัทบีอาร์ทีโฮลดิ้ง จำกัด กับพวก รวม 34 คน ในจำนวนนี้มีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กับบุคคลอื่นๆ มี พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร เป็นจำเลยรวมอยู่ด้วย ฐานละเมิด เรียกค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 34,537,769 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันละเมิด คดีนี้โจทก์บางรายเป็นพ่อค้าแม่ค้ามีฐานะยากจนลงจึงขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา


คำพิพากษาใจความว่า


โจทก์ฟ้องว่า พวกโจทก์ เป็นผู้เช่าพื้นที่โครงการสุขุมวิทสแควร์ จากบริษัทบีอาร์ทีโฮลดิ้งฯ จำเลยที่ 1 ตั้งอยู่เลขที่ 186 ถนนสุขุมวิท ซอย 10 แขวง-เขตคลองเตย กทม. โดยทำสัญญาเช่าและชำระค่าเช่า ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2546 เวลากลางดึก จำเลยทั้ง 34 คน จงใจละเมิดต่อโจทก์ โดยจำเลยที่ 1-10 ซึ่งมีนายชูวิทย์เป็นจำเลยที่ 3 พ.ท.หิมาลัย เป็นจำเลยที่ 9 พ.ต.ธัญเทพเป็นจำเลยที่ 10

พร้อมทั้งมีการจ้างวานจำเลยที่ 11-34

ที่เป็นทั้งทหารชั้นประทวน และลูกจ้างที่เป็น รปภ. ใช้รถสิบล้อหลายคัน รถตักดินแบ็กโฮ 5 คัน เครื่องกำเนิดไฟฟ้า แท่งคอนกรีต ไม้พลอง แผ่นเหล็ก ลวดหนามหีบเพลงบุกเข้าไปในพื้นที่เช่าดังกล่าวของโจทก์ทั้ง 25 คน ทุบอาคารทำลายโรงเรือน ร้านค้า ได้รับความเสียหายพังพินาศ ทำให้โจทก์ทั้งหมดไม่อาจประกอบการค้าได้ โจทก์ ได้พยายามติดต่อให้พวกจำเลยใช้ค่าเสียหายแต่ยังไม่ได้ รับชำระค่าเสียหาย จึงฟ้องคดีต่อศาล ให้จำเลยชดใช้ ค่าเสียหายรวม 34 ล้านบาทเศษ จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจงใจละเมิดต่อโจทก์


ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า สืบพยานโจทก์จำเลยหักล้างกันแล้ว

ฟังได้ว่าพวกจำเลยบางรายซึ่งเป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา มีการกระทำอันเป็นการจงใจละเมิดต่อกฎหมาย ให้ผู้อื่นเสียหายแก่กายและทรัพย์สินของนางชุติมา มีซัง โจทก์ที่ 3 น.ส.พิมพิลัยลักษณ์ ศรีปัตตา โจทก์ที่ 6 น.ส.พรรณพิมล ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา โจทก์ที่ 9 น.ส.ธัญนัฎ ณรงค์ฤทธิ์ โจทก์ที่ 13 นายประสิทธิ์ ประพัฒน์สาระกุล โจทก์ที่ 17 และนางมณี พรวิศิษฎ์สกุล โจทก์ที่ 20 โจทก์เหล่านี้จึงเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการละเมิดของบริษัทสุขุมวิทซิลเวอร์สตาร์จำกัด จำเลยที่ 2 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จำเลยที่ 3 นายชาลี กันเงิน จำเลยที่ 5 และนายธวัชชัย รุ่งระวี จำเลยที่ 11 เท่านั้น


ดังนั้น โจทก์ทั้ง 6 จึงมีสิทธิ์เรียกให้จำเลยที่ 2 3 5 และ 11 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการละเมิด พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

จึงพิพากษาว่า ให้จำเลยทั้ง 4 รายดังกล่าว ร่วมกันรับผิด ให้ร่วมกันชดใช้แก่โจทก์ที่ 3 จำนวน 724,400 บาท แก่โจทก์ที่ 6 จำนวน 1,087,950 บาท แก่โจทก์ที่ 9 จำนวน 1,303,765 บาท แก่โจทก์ที่ 13 จำนวน 1,310,500 บาท แก่โจทก์ที่ 17 จำนวน 681,100 บาท และแก่โจทก์ที่ 20 จำนวน 666,500 บาท รวม 5,774,215 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยทั้ง 4 ใช้ค่าธรรมเนียมศาลและใช้จ่ายต่างๆ ทางคดีแทนโจทก์

ส่วนโจทก์ที่ได้สิทธิ์ดำเนินคดีอย่างอนาถาก็ให้ จำเลยทั้ง 4 รายใช้ค่าธรรมเนียมศาลแทนผู้อนาถาอีกด้วย ส่วนจำเลยอื่นอีก 30 ราย ยังฟังไม่ได้ว่ากระทำละเมิด ต่อโจทก์ ศาลจึงพิพากษาให้ยกฟ้อง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์