ขบวนการตั๋วผีรถเมล์เคยมีแต่นานมาแล้ว

จากเหตุการณ์ นางสมสกุล กระเป๋ารถ ขสมก.ใช้ตั๋วเก่าขายให้คนโดยสาร


จากเหตุการณ์ นางสมสกุล เฟื่องพาเจริญ วัย 44 ปี กระเป๋ารถ ขสมก. สาย ปอ.138 วิ่งระหว่างทางด่วนพระประแดง-หมอชิตใหม่ 5 ถูกไล่ออก แล้วดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย หลังถูกสอบทุจริต ใช้ตั๋วเก่าขายให้คนโดยสาร ประเด็นคาใจผู้คนในสังคม...กรณีโกงตั๋วของพนักงานเก็บค่าโดยสาร...เป็นเรื่องที่ ขสมก.จับได้ไล่ทันง่ายๆ...ทุกราย...จริงๆ หรือสำหรับผู้คนในวงการรถเมล์โดยสาร เรื่องการโกงตั๋ว เป็นเรื่องสามัญ

“เรื่องเอาตั๋วเก่าไปขายให้ผู้โดยสาร มิใช่โกงกันแต่ในรถเมล์” หยอด มีเอี่ยม วัย 68 ปี อดีตพลขับรถเมล์ 32 วิ่งระหว่างปทุมธานี-ท้องสนามหลวง วัย 68 ปี มีประสบการณ์ยาวนาน จนกล้ากล่าวได้ว่า เรือเมล์ เรือด่วน กระทั่งรถไฟ ก็โกงกัน


ไม่เว้นด่านทางด่วน ที่เคยตกเป็นข่าวเกรียวกราวมาแล้ว


ประสบการณ์เฉพาะตัว...ของหยอด มีเอี่ยม ที่เด็กรุ่นหลังไม่ควรทำตาม สมัยหนุ่มๆ เมื่อ 30-40 ปีก่อน เคยเป็นกระเป๋ารถเมล์เอกชน สายหนึ่ง วิ่งระหว่างนนทบุรี-ท้องสนามหลวง

ตอนนั้นมีรถวิ่งอยู่ราว 30 คัน ใช้พนักงานกระเป๋าคันละ 2 คน หญิงประตูหน้า ชายประตูหลัง ลูกพี่ของกระเป๋า ใหญ่ที่สุดในรถ ก็คือ คนขับสามคนในรถเมล์หนึ่งคัน สุมหัวกันโกง ยังรวยไม่ได้ ถ้าไม่มีนายตรวจ ร่วมด้วย


หน้าที่ของนายตรวจ คือใหญ่รองมาจากนายท่ารถ


นายตรวจรถเมล์สายนี้ มีอยู่ 15 คน เช้า สาย บ่าย ค่ำ กระจายตามถนนไม่ต่ำกว่า 4-5 จุด บางที่ฟิตส่งมาถึง 7 จุด จุดที่เฝ้าหลัก เชิงสะพานพระราม 6 บางโพ เกียกกาย บางกระบือ ศรีย่าน สามเสน บางขุนพรหม และบางลำพู โดยหลักปฏิบัติ จะไม่ให้รถเมล์หรือกระเป๋ารู้ ว่านายตรวจจะขึ้นมาตรวจตรงจุดไหน เวลาไหน นายตรวจตรวจแล้ว ถ้าเรียบร้อยก็จะเรียกพนักงานกระเป๋ามาขอจดหมายเลขตั๋วในกระบอกตั๋วที่เก็บเศษสตางค์ แต่ถ้าบังเอิญพบการทุจริต เช่นพบว่า ผู้โดยสารมีตั๋วที่มีหมายเลขที่ไม่ตรงกับหมายเลขของกระเป๋า ก็จะรีบสอบสวนตรงนั้น โดยเรียกกระเป๋ามายืนต่อหน้าผู้โดยสาร ซักถามกันเลยต่อหน้า


ถ้าผู้โดยสารยืนยันว่ารับตั๋วมาจากกระเป๋า แล้วกระเป๋าก็รับด้วย แล้วถ้านายตรวจเอาเรื่องด้วย เรื่องก็จบง่ายๆ กระเป๋าโดนไล่ออก


ถูกไล่ออกแล้ว ยังถูกยึดเงินประกัน คนขับคือลูกพี่ มีสิทธิ์ถูกตัดเงินเดือน โทษฐานปล่อยให้ลูกน้องทุจริต บทบาทนี้นายตรวจรถเมล์ จึงมีศักดิ์ศรีเหมือนเทวดา สำหรับกระเป๋ารถเมล์ คนขับรถเมล์ ใครได้เป็นนายตรวจ...ก็จะมีการเลี้ยงฉลองกันเป็นงานใหญ่ หยอดเล่าว่า ถ้านายตรวจทำงานตรงไปตรงมา เจอผิดเป็นฟัน มีหรือใครจะมาโกงได้ แต่ถ้านายตรวจเปิดไฟเขียว การโกงทุกอย่างก็สะดวก


กระเป๋าคนหนึ่ง เป็นหนี้สินนายตรวจที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน นายตรวจเรียกมาเจรจา “กูให้มึง 3 เที่ยว แล้วรีบมาใช้ด่วน...ก่อนสิ้นเดือน”


นี่คือสัญญาณไฟเขียว กระเป๋ารีบไปเก็บตั๋วเก่าที่ทิ้งทั่วไปมาได้ จำนวนหนึ่งเลือกใบที่สภาพใหม่ เพื่อความแน่ใจ เอาเตารีดรีดให้เรียบได้ตั๋วเก่าแล้ว ก็แบ่งให้กระเป๋าหน้า 1 ปึก ตัวเองขายอยู่ประตูหลัง ช่วยกันขาย เริ่มขายตั๋วผีทันที ในช่วงเวลาที่ได้สัญญาณมาว่า 3 เที่ยว


เป็น 3 เที่ยวที่ไม่มีนายตรวจคนไหนขึ้นมาตรวจ


ทำไม...จึงไม่มีการตรวจตั๋ว หยอดเฉลยว่า เพราะนายตรวจคนที่รู้กันจะยืนคุมอยู่บันไดประตูหลัง ถ้าเจอนายตรวจอีกคนจะขึ้นมาตรวจ ก็จะบอกว่า รถคันนี้ตรวจแล้วหรือไม่ก็ส่งสัญญาณให้รู้กันว่า เที่ยวนี้กำลังมีงาน สัญญาณทำนองนี้ เป็นที่รู้กัน ของนายตรวจสมัยนั้น

หยอดเล่าว่า นี่คือกระบวนการโกงขั้นเล็กๆ เริ่มง่ายๆ จากสายความสัมพันธ์นายตรวจมีเมียเป็นกระเป๋า หรือมีพ่อเป็นคนขับ พ่อก็ให้กระเป๋าที่เป็นลูกน้องโกง นายตรวจบางคน มีอิทธิพลมาก เช่น อาจเป็นคนในพื้นที่อู่รถ นายท่ารถก็เกรงใจ นายใหญ่ก็ไม่อยากยุ่ง นายตรวจระดับนี้ ใครจะขายตั๋วผีต้องเข้ามาคุย ว่า จะจ่ายกี่เปอร์เซ็นต์ หรือวันนี้จะขายตั๋วผีเท่าไหร่


ในกรณีที่ตกลงผลประโยชน์กันแล้ว


เป้าหมายการตรวจของนายตรวจก็เปลี่ยนไป กลายเป็นว่า ตรวจดูว่ากระเป๋าผู้นั้นขายไป กี่ใบ ตามที่พูดหรือเปล่า? เปอร์เซ็นต์ที่ตกลงกันไว้ จะต้องไม่ตกหล่น ที่น่ากลัวว่า นายตรวจอิทธิพล ก็คือนายตรวจที่ทำงานกันเป็นทีม หัวหน้านายตรวจ อาจทำทีเป็นคนเก็บตัว ไม่แสดงความร่ำรวยให้ใครเห็น ทั้งที่มีรายได้ประจำ จากทีมงานนายตรวจ 15 คน ที่ปันส่วยแบ่งส่งให้ทุกเดือน


ขบวนการโกงตั๋ว ทำกันขั้นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจ เมื่อได้เห็นกระเป๋ารถเมล์ คนขับ นายตรวจ ใส่ทองเส้นโต แข่งความร่ำรวยกัน
 

“เหล่านี้ เป็นเรื่องราวการโกงในสมัยก่อน” หยอดว่า “สมัยนี้ทราบมาว่า มีการควบคุมหลายขั้นตอน ไม่ให้อำนาจนายตรวจเสนอปลดใครต่อใครได้อีก ทำหน้าที่แค่รายงานความผิด คือ จดชื่อที่อยู่ผู้โดยสารที่รับตั๋วผี จดหมายเลขรถวันเวลาและชื่อกระเป๋า พร้อมยึดตั๋วผีมาเป็นหลักฐาน แล้วเสนอเรื่องมาตามลำดับ”การโกงตั๋วกันเป็นขบวนการ หยอดเข้าใจว่า สมัยนี้คงไม่มีอีกแล้ว ปัจจุบัน ขสมก.เป็นรัฐวิสาหกิจ การตรวจสอบแน่นอนและชัดเจนโปร่งใสมากขึ้น

กรณีกระเป๋าหญิงที่ฆ่าตัวตาย ข้อเท็จจริงอยู่ในขั้นอุทธรณ์ แต่ถ้ามองจากหัวใจกระเป๋ารถเมล์ด้วยกัน ก็มีแง่เงื่อน...ที่น่าเห็นใจ ไม่น้อยเหมือนกัน


น.ส.ลำไย นามสมมติ วัย 31 ปี ทำงานเป็นกระเป๋ารถเมล์ ขสมก.มานาน 7 ปี เล่า ว่า... เมื่อ 3 ปีมาแล้ว เธอมีประสบการณ์วิกฤติ เฉียดถูกไล่ออก ครั้งหนึ่งเธอฉีกตั๋วให้ผู้โดยสารชาย...รายนั้น เมื่อนายตรวจมาขอตรวจตั๋ว ก็พบว่า เป็นตั๋วรถเมล์อีกสาย นายตรวจขอคำยืนยัน ผู้โดยสารก็ยืนยัน แต่เมื่อถูกเรียกไปถาม เธอก็ปฏิเสธว่า เป็นตั๋วคนละใบสถานการณ์นี้ ลำไยกำลังเข้าปิ้ง ขายตั๋วผี...แต่เคราะห์ดีที่เธอไหวตัวทัน ก่อนผู้โดยสารจะลงจากรถ เธอตามไปขอคุยด้วย ผู้โดยสารวางปึกหนังสือปึกใหญ่ ค้นในกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกง

แล้วก็พบตั๋วรถเมล์ใบที่เธอฉีกให้ซุกอยู่ในกระเป๋าหนึ่ง


เป็นอันว่า ตั๋วผีที่กำลังจะถูกกล่าวหา เป็นตั๋วรถเมล์สายเก่า ที่ผู้โดยสารคนนั้นทิ้งไว้ในกระเป๋า และเข้าใจว่า เป็นตั๋วใบที่เธอฉีกให้
 

เรื่องจบลงด้วยดี คนโดยสาร เอ่ยปากขอโทษ ที่ทำให้เธอยุ่งยาก เธอก็โล่งใจที่พ้นข้อหาทุจริตขายตั๋วผีไปได้ กรณีเช่นนี้ หากเกิดกับกระเป๋ารถเมล์รายอื่น และผู้โดยสารยืนยันว่ารับตั๋วจากมือกระเป๋า...ลำไยก็อยากให้กรรมการตรวจสอบ สภาพแวดล้อมกระเป๋าผู้นั้นด้วย มีหนี้สินหรือไม่ ชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไร มีแรงบีบคั้นให้ทุจริตมากน้อย

“พูดไปก็เหมือนหัวอกเดียวกัน เข้าข้างพวกเดียวกัน ตั๋วที่พี่สมสกุลเจอข้อหา เป็นตั๋วเก่า คนละหมวด คนละเบอร์ มีรอยจิกผ่านการตรวจแล้ว...ถ้าใครทำ ก็ถือว่าโง่มาก ตั๋วใหม่ๆสภาพดี มีให้เลือกใช้เป็นตั๋วผีแยะไป กรรมการที่สอบ ผ่านงานมามาก น่าจะสงสัย กระเป๋าอยากขายตั๋วผี ทำไมจึงเอาตั๋วสภาพนี้มาขาย...”กระเป๋ารถเมล์หญิง ขสมก.ทิ้งท้าย ให้หลายฝ่ายรับไปช่วยกันคิด.


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์