ทองอร่าม!ภาพภายในองค์พระธาตุพนม ของล้ำค่า-สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื้อ

ทองอร่าม!ภาพภายในองค์พระธาตุพนม ของล้ำค่า-สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื้อ


ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้ากรณีมีกระแสข่าวเกี่ยวกับพระชื่อดัง หลวงปู่ภูพาน วัดโนนสวรรค์ (ภูดินแดง) บ้านโนนสวรรค์ ต.พังข้าง อ.เมือง จ.สกลนคร ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเพื่อเรียกร้องให้ทางวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง ออกมาตรวจสอบ โดยระบุว่า มีพานทองลงยาทองคำ ประมาณ 42 บาท ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าทางประวัติศาสตร์เคยนำไปใช้ในพิธีต้อนรับพระราชอาคันตุกะของราชวงศ์ไทย ที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร ได้สูญหายไป หลังจากได้นำเข้าไปถวายเก็บรักษาไว้ภายในองค์พระธาตุพนม เมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา 

จนกระทั่งล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เข้าไปสักการบูชา แต่ไม่พบพานทองคำที่นำเข้าไปเก็บรักษาไว้ พร้อมประสานไปยังทางวัดเพื่อตรวจสอบ แต่ยังไม่พบว่าพานทองคำดังกล่าวเก็บรักษาไว้ที่ไหน จึงต้องการให้มีการตรวจสอบและเพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาทรัพย์สินมีค่าภายในองค์พระธาตุพนม เกรงว่าจะมีการสูญหาย เนื่องจากปัจจุบันมีการเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไปกราบสักการะถึงภายในองค์พระธาตุพนมบ่อยครั้ง

ทองอร่าม!ภาพภายในองค์พระธาตุพนม ของล้ำค่า-สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื้อ


ล่าสุด ทางด้านพระครูพนมปรีชากร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ได้หารือประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับหลักฐานข้อมูลการเก็บรักษาพานทองคำ เพื่อไม่ให้สร้างความเสื่อมเสียกับทางวัด พร้อมออกคำสั่งให้งดเปิดให้บุคคลภายนอกเข้านมัสการ ชมภายในองค์พระธาตุพนม จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ และจะได้มีการเพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมากขึ้น โดยในส่วนของการนำพานทองคำมาเก็บรักษาไว้ภายในองค์พระธาตุพนม เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ามีการนำมาเก็บรักษาไว้ตามความเชื่อความศรัทธาจริง แต่ภายหลังอาจมีการเคลื่อนย้ายไปเก็บในที่เหมาะสม และอาจจะหาไม่พบ เพราะภายในมีสิ่งของมีค่า รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากที่นำมาเก็บรักษาไว้ แต่จะไม่มีการลงทะเบียนเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะในการนำมาถวายส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธาของแต่ละบุคคล แต่หากมีการสูญหายจริง จะต้องมีการตรวจสอบหาตัวผู้กระทำผิด และวางระเบียบหาทางป้องกันแก้ไขในระยะยาว ซึ่งจะต้องรอการตรวจสอบหาความชัดเจน จากเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง

ด้านนายขจรศักดิ์ นิตชิน นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ออกมาเปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเป็นคนที่มีส่วนร่วมในการดูแลวัดพระธาตุพนม รวมถึงเป็นคนธาตุพนมโดยกำเนิด ยังมีความเชื่อมั่นว่าพานทองคำที่เป็นข่าวว่าหายไป ยังอยู่ภายในวัด เพราะภายในองค์พระธาตุพนมมีพื้นที่เก็บรักษาทรัพย์สิน ของมีค่า รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จำนวนถึง 5 ชั้น รวมถึงพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า ในชั้นที่ 4-5 โดยทรัพย์สินมีค่าส่วนใหญ่จะมาจากความเคารพศรัทธา ความเชื่อ จึงได้นำมาถวายเพื่อเก็บรักษา เชื่อว่าจะเป็นบุญกุศล รวมถึงเป็นบุญบารมี บางคนมีเอาทองคำรูปพรรณมาถวายน้ำหนักมากถึง 400 บาท ซึ่งจะนำเข้าไปเก็บรักษาไว้ภายในองค์พระธาตุพนม แต่ส่วนใหญ่ไม่มีการบันทึกเป็นหลักฐานหรือลงทะเบียน เพราะเป็นเรื่องความศรัทธา และมอบให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องของวัดดูแลรักษา


ทองอร่าม!ภาพภายในองค์พระธาตุพนม ของล้ำค่า-สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื้อ


ที่สำคัญในเรื่องการเก็บรักษาส่วนใหญ่ไม่มีความกังวล เพราะเชื่อว่าความศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงความเคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะคิดมาลักขโมย เพราะเชื่อในบาปบุญคุณโทษ อีกทั้งในอดีตที่ผ่านมาเคยมีบุคคลคิดไม่ดี นำสิ่งของมีค่าในวัดออกไป รวมถึงมีเรื่องราวเหลือเชื่อเกิดขึ้นในอดีตเมื่อครั้งพระธาตุพนมล่ม ปี 2518 มีคนนำเอาก้อนอิฐ ก้อนดิน รวมถึงสิ่งของออกไปจากวัด ยังมีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้น ทำให้เจ็บป่วย และมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นจนต้องนำมาส่งคืน เช่นกันในเรื่องพานทองคำ ตนเชื่อว่าหากมีคนนำไปจริงคงไม่นานจะได้กลับคืน เป็นเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ที่หลายคนไม่เชื่อ แต่ส่วนตัวนั้นไม่เคยลบหลู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหาจะต้องหาทางพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการจัดระเบียบในการดูแลเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เพราะช่วงหลังต้องยอมรับว่ามีการเปิดให้คนเข้าไปสักการบูชาภายในบ่อยครั้ง เพราะอยากให้คนที่เคารพศรัทธาได้ใกล้ชิด แต่ทุกครั้งมีระเบียบขั้นตอน และเจ้าหน้าที่ดูแลใกล้ชิดตลอด ซึ่งไม่เคยเกิดปัญหามาก่อน โดยจะต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบไม่ให้วัดเสื่อมเสีย และยังเชื่อมั่นว่าพานทองคำดังกล่าวยังอยู่ภายในวัด

สำหรับองค์พระธาตุพนมตั้งอยู่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถือเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เป็นที่เคารพศรัทธาทั้งชาวไทย ชาวลาว รวมถึงพุทธศาสนิกชนทั่วโลก อีกทั้งยังเป็น 1 ใน 7 พระธาตุประจำวันเกิด ที่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.นครพนม ซึ่งองค์พระธาตุพนมจะเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีวอก โดยจากตำนานพระธาตุพนมในอุรังคนิทานระบุไว้ว่า เมื่อครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับที่ภูกำพร้า หรือที่ตั้งองค์พระธาตุพนมในปัจจุบัน ซึ่งเป็นประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ เมื่อนิพพานไปแล้ว พระสาวกจะนำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ รวมถึงพระองค์ด้วย ทำให้ภายหลังต่อมาพระพุทธเจ้าปรินิพพาน เป็นการเริ่มต้นปีพุทธศักราช จนกระทั่งเมื่อประมาณปีพุทธศักราช 8 ในยุคอาณาจักรศรีโคตรบูร เจริญรุ่งเรือง โดยพระมหากัสปะ พร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ ได้ก่อสร้างพระธาตุพนมขึ้น เพื่อนำพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบรรจุไว้ภายใน เพื่อเป็นที่สักการบูชาของพุทธศาสนิกชน และมีการบูรณะซ่อมแซมมาถึงปัจจุบัน


ทองอร่าม!ภาพภายในองค์พระธาตุพนม ของล้ำค่า-สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื้อ


จนกระทั่งเมื่อปี 2518 ได้เกิดเหตุการณ์พระธาตุพนมถล่ม เพราะเกิดพายุฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดนอกเหนือจากความสูญเสีย กลับเป็นความโชคดีที่พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสพบเห็นโบราณวัตถุ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงหลักฐานตำนานพระอุรังคธาตุที่บรรจุไว้ภายใน จนได้มีการบูรณะซ่อมแซมสร้างพระธาตุพนมขึ้น และคงอยู่มาถึงปัจจุบัน ซึ่งในการก่อสร้างลักษณะสถาปัตยกรรม รูปสี่เหลี่ยมก่อด้วยอิฐ มีซุ้มซ้อนกัน 3 ชั้น ลดหลั่นลงมาจนถึงองค์สถูป มีการตกแต่งลวดลายพุทธประวัติที่สวยงาม ภายในมีการแบ่งออกเป็น 7 ชั้น เพื่อบรรจุพระอุรังคธาตุ รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัตถุโบราณ มีความสูงจากฐานประมาณ 57 เมตร ฐานกว้างประมาณ 12 เมตร ซึ่งภายหลังการบูรณะแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯมาทรงเป็นประธานประกอบพิธีบรรจุพระอุรังคธาตุเมื่อปี 2522 ถือเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวไทยและชาวต่างชาติ เชื่อกันว่าถ้าใครมีโอกาสเดินทางไปไหว้พระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ ถวายเครื่องสักการบูชาหน้าองค์พระธาตุพนม จิตใจจะสงบเยือกเย็นอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง ถ้ายังไม่บรรลุนิพพานในชาตินี้ เมื่อตายแล้ววิญญาณก็จะได้ไปสู่สวรรค์ ทำให้มีพุทธศาสนิกชนเคารพศรัทธา บางคนยอมเอาทรัพย์สินมีค่ามาถวายไว้ภายในองค์พระธาตุพนม ตามความเชื่อว่าเป็นการเสริมบุญบารมี

Cr.มติชนออนไลน์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์