หลวงพ่อทอง เจ้าอาวาสวัดอโศการาม มรณภาพแล้ว

หลวงพ่อทอง เจ้าอาวาสวัดอโศการาม มรณภาพแล้ว


16 มี.ค. พระญาณวิศิษฏ์ (หลวงพ่อทอง) เจ้าอาวาสวัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ซึ่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชมานานหลายปี จากโรคมะเร็งในลำไว้ ได้มรณภาพอย่างสงบแล้วเมื่อเวลาประมาณ 04.15 น. ที่ผ่านมา สิริอายุ 83 ปี 10 เดือน 14 วัน

ทั้งนี้ วัดอโศการาม ได้แจ้งกำหนดการสรงน้ำสรีระสังขารของพระญาณวิศิษฏ์ ในวันที่ 16 มี.ค. ณ ศาลาหลวงพ่อทรงธรรม วัดอโศการาม

16.00 น. กราบขอขมา / สรงน้ำสรีระสังขาร
18.00 น. น้ำหลวงสรงสรีระสังขารมาถึงวัดอโศการาม / บรรจุสรีระสังขารลงหีบศพ
19.00 น. สวดพระอภิธรรม

ประวัติของหลวงพ่อทองที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์วัดอโศการามมีดังนี้

พระอาจารย์ทอง จนฺทสิริ มีนามเดิมว่า ทอง นารีวงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2475 ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 8 ค่ำ เดือน 5 ปีวอก พื้นเพเดิมครอบครัวเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาด้วยกันทั้งหมด 9 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 5 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 6 ต่อมาครอบครัวอพยพย้ายถิ่นฐานมาปักหลักอยู่ ณ ต.วังใหญ่ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์

ชีวิตในวัยเด็กของ ด.ช.ทอง นารีวงษ์ ค่อนข้างมีชีวิตยากลำบาก ด้วยความเป็นอยู่ของทางบ้านที่มีฐานะยากจน ครอบครัวประกอบอาชีพทำนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ท่านเรียนจบเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ต้องเลิกเรียนกลางคันเพื่อมาช่วยเหลือทางบ้านทำนาหาเลี้ยงปากท้อง

การบรรพชาและอุปสมบท

แต่ด้วยความเป็นคนใฝ่รู้ แสวงหาหลักยึดเหนี่ยวชีวิต มีใจเอนเอียงทางพุทธะ ประกอบกับโยมบิดามีความปรารถนาอันแรงกล้าให้บุตรชายได้บวชเรียนศึกษาตามธรรมเนียมชีวิตลูกผู้ชาย ทั้งนี้ ผู้ที่คอยชี้ทางส่งเสริมให้ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน คือ พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ลี ธมฺมธโร) หรือท่านพ่อลี ธมฺมธโร เทพธรรมแห่งจังหวัดสมุทรปราการ ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาแท้ๆ นั่นเอง

จากการได้ออกติดตามท่านพ่อลี ธมฺมธโร ผู้มีศักดิ์เป็นหลวงอา ไปทุกหนแห่งเวลาออกธุดงค์และพำนักจำพรรษาตามวัดต่างๆ ท่านต้องคอยปรนนิบัติรับใช้หลวงอาและต้องนอนอยู่หน้าโบสถ์ ความยากลำบากแทนที่จะกัดกร่อนจิตใจให้ท่านย่อท้อ แต่กลายเป็นความศรัทธาเลื่อมใสต่อวัตรปฏิบัติของหลวงอา ที่ดำรงตนด้วยความเรียบง่าย มักน้อย สันโดษ แต่เพียบพร้อมด้วยความวิริยะอุตสาหะ ดังนั้น ท่านจึงตัดสินใจบรรพชาเป็นสามเณร ในปี พ.ศ.2494 เมื่ออายุครบ 19 ปี ณ วัดป่าคลองกุ้ง ต.ตลาด อ.เมือง จ.จันทบุรี

เวลาผ่านไป 2 ปี เมื่อมีอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ก่อนย้ายไปพักจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาแก้ว ต.หนองตาคง อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี

การศึกษาพระปริยัติธรรม

หลังจากนั้น ได้หวนกลับมาอยู่วัดป่าคลองกุ้ง จ.จันทบุรี เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก

ความตั้งใจเดิมที่ต้องการบวชเรียนก็เพื่ออุทิศผลบุญส่วนกุศลให้แก่โยมบิดา เพียง 1-2 พรรษาเท่านั้น แล้วจะลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตตามปกติทั่วไป ได้พลันแปรเปลี่ยนเมื่อท่านได้ลงลึกในรายละเอียด ศึกษาค้นคว้าหลักธรรมแห่งพระพุทธองค์จนถึงแก่น ความเลื่อมใสศรัทธาจึงเพิ่มทวีคูณ

พ.ศ.2499 พระอาจารย์ทองได้มาจำพรรษาที่วัดอโศการามกับท่านพ่อลี ธมฺมธโร ในพรรษาที่ 6 ท่านได้ไปเรียนวิชาภาษาบาลีที่วัดบรมนิวาส ราชวรวิหาร กรุงเทพฯ แม้จะเคยเรียนบาลีมาบ้างแล้ว แต่ท่านมิได้อวดรู้วิชา ยังฟังคำชี้แนะจากครูบาอาจารย์ให้ไปเรียนเพิ่มเติมอีก

จนมาถึงปี พ.ศ.2500 ไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์บ้านสันกอเก็ด ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เป็นเวลา 3 ปี กระทั่งท่านพ่อลีได้มรณภาพลง ท่านจึงได้กลับมาอยู่ที่วัดอโศการาม

ตำแหน่งงานปกครองและสมณศักดิ์

พ.ศ.2518 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี

ล่วงเข้าปี พ.ศ.2534 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอโศการาม

รุ่งขึ้นอีกปี ในปี พ.ศ.2535 เนื่องในวโรกาสมหามงคลสมัยวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ เวียนมาบรรจบครบ 5 รอบ 60 พรรษา ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในพระราชทินนามที่ "พระญาณวิศิษฏ์"


หลวงพ่อทอง เจ้าอาวาสวัดอโศการาม มรณภาพแล้ว



ขอบคุณที่มา > > http://www.watasokaram.org/

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์