ชั่งกิโลขายหนังสือล้ำค่า น้ำหนัก3ตัน เหลือกก.ละ2บาท ศิลปากร แจงวุ่นยกผิดกอง

ชั่งกิโลขายหนังสือล้ำค่า น้ำหนัก3ตัน เหลือกก.ละ2บาท ศิลปากร แจงวุ่นยกผิดกอง

ชั่งกิโล - นายทนงศักดิ์ หาญวงษ์ และนายรุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล นักวิชาการเลือกซื้อวารสารหายากเพื่อรักษาต้นฉบับไว้ หลังจาก ม.ศิลปากร วิทยาเขตวังท่าพระ ขายต่อให้ร้านรับซื้อของเก่าย่านบางบอน โดย 1 ในนั้นเป็นวารสารอาร์ เอเชียทีค มีลายเซ็นของนายสมิทธิ ศิริภัทร อดีตอาจารย์ ม.ศิลปากรอยู่ด้วย เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม

รุมกว้านซื้อวารสารเก่าหายากที่ร้านรับซื้อของเก่าย่านบางบอน หอสมุด ม.ศิลปากร ท่าพระ ขายทิ้งกิโลละ 2 บาท ร่วม 3 ตัน


เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีอาจารย์ นักวิชาการ และนักอ่านจำนวนหนึ่งต่างเดินทางไปซื้อวารสารฉบับหายากทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ที่ร้านขายของเก่าย่านบางบอน กรุงเทพฯ จำหน่ายกิโลกรัมละ 10 บาท เป็นหนังสือที่ทางร้านไปรับซื้อมาจากหอสมุดมหาวิทยาลัยศิลปากร (มศก.) วิทยาเขตวังท่าพระ ที่มีน้ำหนักถึง 3,000 กิโลกรัม หรือ 3 ตัน โดยรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 2 บาท รวมจ่ายเงินค่าหนังสือให้ มศก.ทั้งสิ้น 6,000 บาท ข่าวดังกล่าวหลังมีการรับรู้กันได้สร้างความฮือฮาในแวดวงวิชาการสายมนุษยศาสตร์ รวมถึงวงการสะสมหนังสือเก่าอย่างมาก

เนื่องจากวารสารที่ถูกนำมาชั่งกิโลขาย ส่วนใหญ่เป็นวารสารทางด้านสังคมวิทยา โบราณคดี และประวัติศาสตร์หลายสิบรายการ
เช่น อาติบุส อาซี ชื่อวารสารเกี่ยวกับศิลปกรรมและโบราณคดีในเอเชีย ปัจจุบันมีอยู่เพียงไม่กี่ชุดในประเทศไทย วารสารอาร์ เอเชียทีค ของพิพิธภัณฑ์กีเมต์ ประเทศฝรั่งเศส, วารสารขององค์การสปาฟา (ศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยโบราณคดีและวิจิตรศิลป์) วารสารอเมริกัน แอนโทรโปโลจิสท์ และวารสารอุตสาหกรรมสาร เป็นต้น

นายธนโชติ เกียรติณภัทร ผู้รักหนังสือเก่าที่เดินทางไปซื้อหนังสือจากร้านขายของเก่าเป็นรายแรกๆ กล่าวว่า

 
เท่าที่เห็นพบว่ามีวารสารทรงคุณค่าจำนวนมากถูกขนใส่กระบะมาขาย อาทิ ชาวกรุง เป็นวารสารชื่อดังยุคหนึ่งของตำนานเรื่องสั้นไทย, ช่อฟ้า สมัยที่นายสุจิตต์ วงษ์เทศ ทดลองทำวารสาร ก่อนที่จะพัฒนาเป็นวารสารโบราณคดี และศิลปวัฒนธรรม ตามลำดับ, วัฒนธรรมไทย บทความทรงคุณค่าของนายสมบัติ พลายน้อย และนายจุลทัศน์ พยาฆรานนท์ ผู้มีผลงานดีเด่นด้านทัศนศิลป์ ประจำปี 2538, วชิราวุธานุสรณ์สาร รวมเรื่องเกี่ยวกับรัชกาลที่ 6 และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ ที่จุดประกายความคิดคนหนุ่มสาว ก่อนยุค 14 ตุลา เป็นต้น เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมากที่หนังสือเหล่านี้ถูกกองขายเช่นนี้

นายรุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ ม.รามคำแหง กล่าวว่า

 ได้ทราบข่าวจากนักศึกษา มศก.รายหนึ่งว่าทางห้องสมุดศิลปากรได้คัดเลือกหนังสือเก่าออกจากห้องสมุดแล้วขายให้ร้านรับซื้อของเก่า จึงรีบไปตรวจสอบเพื่อเลือกซื้อเก็บไว้ ก่อนจะถูกขายทอดต่อแปรสภาพเป็นกระดาษรีไซเคิล

"พบว่าเป็นหนังสือเก่าที่มีค่ามาก ส่วนใหญ่อายุหลายสิบปี เป็นหนังสือหายากที่ท้องตลาดขายในราคาสูงมาก บางเล่มหลายพันบาท
รู้สึกตกใจมากที่ทางห้องสมุดคัดหนังสือเหล่านี้ทิ้ง จึงซื้อไว้ แล้วกระจายข่าวให้แวดวงวิชาการรับทราบ เพื่อช่วยกันซื้อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ หรือมอบให้หน่วยงานอื่นๆ ที่เหมาะสม" นายรุ่งโรจน์กล่าว และว่า หนังสือบางเล่มมีอายุกว่าครึ่งศตวรรษ เคยเป็นสมบัติของนักปราชญ์หรืออาจารย์คนสำคัญของประเทศ เช่น นายสมิทธิ ศิริภัทร อดีตอาจารย์ประจำคณะโบราณคดี มศก. มีลายเซ็นกำกับไว้ชัดเจน หลังจากเสียชีวิตลง ทายาทได้มอบให้พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ได้มอบหนังสือบางส่วนให้ห้องสมุดศิลปากร เพราะเล็งเห็นว่าจะเกิดประโยชน์ต่อการศึกษาในวงกว้าง แต่กลับถูกขายแบบเศษกระดาษ จึงขอตั้งคำถามต่อผู้คัดเลือกหนังสือเพื่อจำหน่ายออกว่าใช้เกณฑ์ใดในการคัดทิ้ง ล่าสุดได้มอบวารสารของนายสมิทธิคืนให้พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมแล้ว

"หนังสือพวกนี้เข้าข่ายตำราคลาสสิกทางสายมนุษยศาสตร์ เพราะ มศก.เป็นสถาบันการศึกษาที่มีวารสารด้านประวัติศาสตร์โบราณคดีมากที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ ที่สำคัญยังไม่มีฉบับออนไลน์ หอสมุดมีกรรมการเป็นตัวแทนจากคณะต่างๆ หมุนเวียนไป แต่การจำหน่ายหนังสือออกนั้น ผมไม่ทราบว่ามีการนำเสนอให้กรรมการพิจารณาหรือไม่ ที่สำคัญ ผู้บังคับบัญชาจะต้องลงนามอนุมัติให้จำหน่ายออกไม่เข้าใจว่าปล่อยออกมาได้อย่างไร ผมไม่มีเจตนาโจมตีหอสมุด แต่อยากให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์แก่ห้องสมุดทั่วประเทศ" นายรุ่งโรจน์กล่าว

นายทนงศักดิ์ หาญวงษ์ นักวิชาการอิสระ เดินทางจาก จ.นครราชสีมา เพื่อมาเลือกซื้อวารสารเก่าดังกล่าว กล่าวว่า

 เดินทางไปคัดหนังสือตั้งแต่ตีห้า หากช้าเพียง 1 วัน จะถูกฉีกปกทิ้งเตรียมแปรสภาพ จึงรีบซื้อไว้โดยนำรถยนต์ไปขน ตั้งใจว่ารุ่งขึ้นจะกลับไปซื้อเพิ่มอีก แต่เจ้าของร้านโทรแจ้งว่า ถูกหอสมุดเหมาคืนไปหมดแล้ว ต่อมาได้รับการติดต่อจากหัวหน้าหอสมุดฯเพื่อขอซื้อคืน จึงแจ้งกลับไปว่า ยินดีบริจาคคืนให้ไม่ใช่ขายคืน แต่ขอให้ห้องสมุดส่งจดหมายเป็นทางการ หากได้รับการชี้แจงอย่างน่าพอใจก็จะนำหนังสือกลับไปคืนที่หอสมุดเองในวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคมนี้

นายอุดม รัตนวงศ์ อายุ 60 ปี เจ้าของร้านรับซื้อขายของเก่าย่านบางบอน กรุงเทพฯ กล่าวว่า

ได้ลงข้อความโฆษณาในอินเทอร์เน็ตว่ารับซื้อของเก่าและเศษกระดาษ ต่อมาได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่หอสมุดฯให้ไปซื้อหนังสือ เป็นการซื้อขายกันครั้งแรก เมื่อเดินทางไปถึงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ได้ชี้ให้ขนกองหนังสือซึ่งแยกไว้เป็นกองๆ ตนและลูกน้องราว 4-5 คน จึงช่วยกันขนและช่วงเวลาที่ขนย้ายหนังสือติดช่วงพักเที่ยง จึงไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ตลอด

"ผมเตรียมจะรีไซเคิลแล้ว แต่มีคนโทรมาบอกว่าอย่าเพิ่งจะมาเลือกซื้อ รู้สึกแปลกใจที่มาซื้อกันเยอะ ตอนแรกคิดว่าคงซื้อไปอ่านเล่นเฉยๆ ไม่รู้ว่าเป็นหนังสือหายาก เพราะผมเรียนจบแค่ ป.4 ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝง ล่าสุดหอสมุดฯมาเหมากลับไปหมดแล้วในราคาที่ซื้อมาคือกิโลกรัมละ 2 บาทเท่าเดิม เสียดายวันที่ขนมาฝนตกด้วย หนังสือเลยเปียกน้ำ ต้องทิ้งไปเยอะราวๆ 100-200 กิโลกรัม" นายอุดมกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หอสมุดวังท่าพระ มศก. ได้เผยแพร่หนังสือชี้แจงการจำหน่วยวารสาร ผ่านเฟซบุ๊กของหอสมุดวังท่าพระว่า

 ตามที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียว่าหอสมุดวังท่าพระได้ขายวารสารให้แก่ร้านรับซื้อของเก่า สำนักหอสมุดกลางขอชี้แจงดังนี้ เนื่องจากวารสารของหอสมุดต้องย้ายออกจากสถานที่ทำการภายในเดือนกรกฎาคม 2558 เพื่อให้ มศก.ดำเนินการตกแต่งและปรับปรุงภายในอาคารใหม่ หอสมุดจึงเตรียมการย้ายวารสารทั้งหมด รวมทั้งสิ่งพิมพ์ต่างๆ ออกจากห้องวารสาร โดยคัดแยกประเภทสิ่งพิมพ์เป็น หนังสือพิมพ์ แผ่นพับ และเศษกระดาษต่างๆ เพื่อออกจำหน่าย ขณะเดียวกันได้พิจารณาคัดเลือกวารสารวิชาการบางส่วนซึ่งเป็นฉบับซ้ำกับที่หอสมุดมีจำหน่ายออกด้วย โดยมีวัตถุประสงค์จะนำวารสารเหล่านี้ไปบริจาคต่อ ให้แก่ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร และห้องสมุดอื่นๆ ในเครือข่าย

ต่อมาวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ร้านรับซื้อของเก่าได้เข้ามาซื้อหนังสือพิมพ์เก่ารวมทั้งเศษกระดาษอื่นๆ

ขณะที่มีวารสารจำนวนหนึ่งที่เตรียมบริจาคต่อซึ่งร้านรับซื้อของเก่าขนติดไปด้วย เมื่อหอสมุดทราบว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น จึงติดต่อขอซื้อวารสารทั้งหมดกลับคืนมายังหอสมุดแล้ว แต่บางส่วนมีผู้ซื้อจากร้านค้าไปก่อน หอสมุดพยายามติดต่อขอซื้อคืนจากผู้ที่ซื้อไป โดยอธิบายเหตุผลและชี้แจงหอสมุดมิได้มีนโยบายจะนำวารสารมาขายแต่เป็นเพราะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอรับคืน พร้อมกันนี้ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริง

นายศักดิพันธ์ ตัญวิมลรัตน์ ผู้อำนวยการหอสมุดกลาง มศก. กล่าวว่า เป็นความผิดพลาดในการปฏิบัติงาน ไม่ได้มีเจตนานำหนังสือไปขายหรือทุจริตใดๆ

เพราะได้ตรวจสอบระเบียบในการดำเนินการและการขายแล้ว ไม่พบว่ามีใครได้เงินไปจากการดำเนินการครั้งนี้ และทันทีที่ทราบเรื่อง หัวหน้าหอสมุดวังท่าพระได้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก แต่เห็นว่าไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา จึงขอให้ทุกคนอยู่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน เบื้องต้นได้ทำหนังสือชี้แจงผ่านช่องทางต่างๆ ว่าเป็นความผิดพลาดจากการขนย้าย และในแต่ละปีจะขายหนังสือและสิ่งพิมพ์ประจำปีอยู่แล้ว ตรงนี้มีกรรมการตรวจรับตามระเบียบ ประกอบกับที่หอสมุดวังท่าพระจะปรับปรุงเจ้าหน้าที่ จึงได้จัดหนังสือบางส่วนเพื่อเตรียมจะขนย้ายไปยังหอสมุดอื่นๆ ในเครือ แต่มีความผิดพลาดในการขนย้าย เพราะมีหนังสือจำนวนมากรวมน้ำหนักถึง 3,000 กิโลกรัม อาจเป็นในช่วงที่เจ้าหน้าที่ไม่อยู่ จึงเกิดผิดพลาด เมื่อรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น ทางหอสมุดได้รีบแก้ไขทันที ซึ่งได้รายงานให้นายชัยชาญ ถาวรเวช อธิการบดี มศก.ทราบแล้ว ทั้งนี้ อยากให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ และบรรณารักษ์ทุกคน เป็นคนที่รักหนังสือเหล่านี้เช่นกัน โดยขณะนี้ มศก.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว เพื่อดูว่ามีหนังสือสำคัญหายไปเท่าใด เท่าที่ดูมีมากพอสมควร แต่ยังไม่สามารถตอบได้ โดย มศก.จะพยายามติดตามหาหนังสือคืนกลับมาให้ได้มากที่สุด

อธิการบดี มศก.กล่าวว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ทางหอสมุดได้เร่งแก้ไขปัญหา และตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยกำชับให้หามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวในอนาคตด้วย ส่วนวารสารต่างๆ ที่ถูกซื้อไป ทราบว่าส่วนใหญ่ซื้อคืนได้จำนวนมากแล้ว เรื่องนี้ มศก.ไม่ได้นิ่งนอนใจ จะเร่งดำเนินการหาหนังสือและเอกสารสำคัญที่หายไปมาคืนให้ได้มากที่สุด
 

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์