จวกยับ ! นักท่องเทียวไปเกาะไข่ ใช้ตาข่ายจับปลาทะเล-ให้อาหาร

ชาวเน็ตแห่ประนามพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไร้จิตสำนึก หลัง ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ โพสต์ภาพนักท่องเที่ยวใช้ตาข่ายจับปลาทะเล-ป้อนอาหารอย่างสนุกสนาน

วันที่ 9 มิถุนายน 2558 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat เรียกร้องใช้กฎหมายมาตรา 22 เพื่อพิทักษ์แนวปะการังในทะเลทั่วประเทศไทย ก่อนที่ปะการังจะถูกทำลายหมดไป หลังพบภาพนักท่องเที่ยวป้อนอาหารปลาทะเล รวมทั้งใช้ตาข่ายดักจับปลาทะเลขึ้นมาถ่ายรูปเล่นกันสนุกสนาน โดยข้อความทั้งหมดระบุดังนี้ ...

ทะเลไทยมีไว้ชื่นชม ไม่ได้มีไว้ให้นักท่องเที่ยวข้ามโลกมาทำอะไรก็ได้ เริ่มจากเลี้ยงปลาในแนวปะการัง ตามด้วยลากข่ายจับปลามาเฮฮาถ่ายภาพ เราจะพูดเรื่องความยั่งยืนไปทำไม ในเมื่อมันไม่เกิดขึ้นจริงในทะเล ? ปะการังจะหมดใน 20 ปี แต่ถ้าเรายังทำอย่างนี้ มันคงเหลืออีกไม่กี่ปีหรอกครับ ?จึงใคร่ขอมาตรา 22? ??พิทักษ์แนวปะการังทั่วทะเลไทยให้เร็วที่สุดครับ?

- ห้ามเลี้ยงปลาในอุทยาน แต่นอกเขตอุทยานทำได้ เช่น ภาพนี้จากเกาะไข่ อยู่นอกเขต แล้วทำไมเป็นเช่นนั้นวุ้ย ?

- มาตรา 22 และ 23 พรบ.ทช. จะช่วยแก้ปัญหาข้อนี้ นักวิชาการประชุมกันแล้ว บอกว่าเลี้ยงปลาในแนวปะการังตรงไหนก็เกิดผลกระทบ มันจึงต้องมีกฏเกณฑ์ให้ใช้ดูแลเท่าเทียมกัน

- สำหรับการจับปลาในแนวปะการัง ไม่ว่าจะมาเล่นหรือมาเลี้ยง เข้าใจว่าผิด พรบ.สิ่งแวดล้อม ต้องรบกวนให้กรมทะเลไปตรวจสอบ เขาทำกันที่เกาะหลายแห่งรอบภูเก็ต ทราบดีว่ามีปัญหาด้านกฎหมาย ถึงขอให้มีมาตรา 22 ไงล่ะ

- สำหรับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว คงต้องใช้เป็นตัวอย่าง นโยบายเริ่ดขนาดไหนก็ได้ แต่ความเป็นจริงเป็นอย่างนี้ แทนที่ภาพดี ๆ ของเมืองไทยจะออกไป กลายเป็นภาพที่ทำให้นักท่องเที่ยวดี ๆ เขาเห็นแล้วไม่อยากมาหรอกจ้ะ

- สำหรับเพื่อนธรณ์ เราช่วยกันทำให้เกิดกระแสได้ ผู้ประกอบการดี ๆ มีมากมาย แต่บางรายถึงขั้นเตรียมข่ายไปให้นักท่องเที่ยวทำขนาดนี้ ไม่ไหวมั้งครับ

ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ช่วยดูแลและส่งข่าว นาทีนี้ คนรักทะเลต้องช่วยกันเต็มที่ เพราะไม่มีนาทีหน้าให้พวกเราแล้วครับ

ทั้งนี้ทันทีที่มีการแชร์ข้อความ และภาพดังกล่าวออกไปนั้น เหล่าบรรดานักท่องออนไลน์ที่ติดตามเพจนี้ ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย ส่วนใหญ่เป็นการประนามการกระทำที่ไร้จิตสำนึกของนักท่องเที่ยวและไกด์นำเที่ยวที่ปล่อยให้มีพฤติกรรมเช่นนี้ บ้างก็เสนอให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลอย่างเข้มงวด และมีมาตรการบทลงโทษให้รุนแรงขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีก

ขอบคุณที่มา :: เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat :: kapook