‘บิ๊กโด่ง’ซัดพวกต่างชาติ อย่าบีบไทย ช่วย‘โรฮีนจา’แค่ฝ่ายเดียว

‘บิ๊กโด่ง’ซัดพวกต่างชาติ อย่าบีบไทย ช่วย‘โรฮีนจา’แค่ฝ่ายเดียว

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ถึงการแก้ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจา ภายหลังที่หน่วยงานและองค์กรต่างประเทศ ออกมากดดันให้ไทยรับดูแลว่า ต้องเข้าใจว่าศูนย์พักพิงทั้ง 9 ศูนย์ของไทย ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนไทย-พม่า ก็เป็นภาระอยู่ในขณะนี้ โดยเป็นผู้ลี้ภัยมาจากการสู้รบ ซึ่งเราก็รับดูแลจำนวนหลายแสนคน แต่ขณะนี้ลดระดับลงมาบ้างแล้ว โดยกรณีดังกล่าวเป็นศูนย์พักพิงที่มีองค์กรต่างๆ เข้ามาดูแล ส่วนกรณีของโรฮีนจาเป็นคนละกรณีกันเพราะเป็นการหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ถูกต้อง จึงเป็นการจัดสถานที่เพื่อควบคุมและอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเด็ก ผู้หญิง ทางกระทรวงพัฒนามนุษย์และสังคม(พม.)รับไปดูแล ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายของไทย

เผย“ตร.-พม.”ยังรับไหว

ทั้งนี้ หากจำนวนชาวโรฮิงญามีจำนวนมาก จนสถานที่ควบคุมไม่เพียงพอ ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้นโยบายว่า ให้หาพื้นที่ควบคุมเพิ่มเติม ซึ่งตนได้มีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ไปแล้วจึงความคืบหน้าการจัดเตรียมพื้นที่แต่ต้องได้รับจากพิจารณาจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงด้วยเพื่อความเหมาะสม แต่ถ้าหากตำรวจและ พม.ยังสามารถดูแลได้ ก็ไม่จำเป็น ซึ่งขณะนี้ทราบว่ายังรับมือได้อยู่

จี้องค์กรต่างชาติรับไปดูแลบ้าง

“ไทยถูกจับจ้องจากองค์กรต่างๆ นอกประเทศ ที่ยังไม่เข้าใจ ซึ่งหากประเทศเหล่านั้นดูแลเรื่องสิทธิให้กับชาวโรฮีนจาที่หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย และถ้าจะช่วยประเทศไทย ก็ช่วยรับไปดูแลบ้างก็จะดี ซึ่งองค์ต่างๆ ต้องเห็นใจประเทศไทยด้วย เนื่องจากเราแบกรับภาระมามาก ถ้าเห็นว่าประเทศไทยควรทำอย่างไรให้ถูกต้องตามหลักสิทธิมนุษยชน ชาวโรฮีนจาที่หลบหนีเข้ามาอาจจะต้องการไปประเทศที่มีความพร้อม ซึ่งมีหลายประเทศที่จ้องมองประเทศไทยว่าควรจะทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และที่ผ่านมาไทยก็ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง แต่ท่านช่วยรับชาวโรฮีนจากลับไปด้วยเพราะประเทศของท่านมีความพร้อมเช่นกัน” พล.อ.อุดมเดช กล่าว

ร.ต.ต.ยังให้การปฏิเสธความผิด

ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.เปิดเผยการสอบปากคำ ร.ต.ต.นราธร สัมพันธ์ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ ที่เข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า ยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว ทั้งนี้ ยังเหลือผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่อีก 37 คน

ผบ.สส.ให้รอผลประชุม29พ.ค.

ขณะที่ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ว่า ได้เน้นย้ำ การทำงานของเหล่าทัพ ให้สนับสนุนและสอดคล้องนโยบายของรัฐบาล และ คสช. โดยทำงานให้ตรงเป้าหมาย ทันตามกรอบระยะเวลา และมีผลสัมฤทธิ์ นอกจากนี้ ยังได้พูดคุยถึงการแก้ไขปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาว่า ในช่วงที่ผ่านมา ทางกองทัพเรือ โดยทัพเรือภาค 3 ตลอดจนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)จ.สตูล ได้ดูแลชาวโรฮีนจาตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ส่วนที่องค์กรต่างชาติ ออกมากดดัน และผลักภาระให้ไทยเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลชาวโรฮีนจานั้น อยากให้รอผลการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดียในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ เสียก่อน

สตช.ส่งปปง.ยึดทรัพย์โกโต้ง

ทางด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยถึงการสอบปากคำ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ โกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีดังกล่าวว่า ยังคงให้การปฏิเสธ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในสำนวนการสืบสวนสอบสวน ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนการยึดและอายัดทรัพย์สินของนายปัจจุบันนั้น ขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)แล้ว สำหรับกระแสข่าวที่มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังการค้ามนุษย์ พล.ต.ท.ประวุฒิ ยืนยันว่า ยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงกับนักการเมืองคนใด รวมทั้งนายพลที่ถูกอ้างว่าพบชื่อในบัญชีของผู้ต้องหาที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้

ไม่ให้เรือผู้อพยพขึ้นฝั่งไทย

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการคัดแยกชาวโรฮิงญาที่เดินทางเข้าในประเทศไทยออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และในส่วนของเหยื่อค้ามนุษย์ ซึ่งถ้าพบว่าเป็นการลักลอบเข้าเมืองจะส่งตัวให้ทาง ตม. ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้จะใช้วิธีการผลักดันกลับประเทศ แต่ปัจจุบันไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ จึงต้องหาวิธีการจัดการอีกครั้ง ส่วนผู้ที่เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ จะมีการควบคุมตัวไว้ที่ด่านกักกันเพื่อทำการฟื้นฟู ซึ่งขณะนี้พบว่าเรือของชาวโรฮิงญาที่จะเข้ามาในฝั่งไทยน้อยลง เนื่องจากมีการสกัดกั้น ปิดเส้นทางเข้าออก โดยหากพบว่าหลังจากนี้มีเรืออพยพเข้ามาอีก ก็จะไม่รับขึ้นฝั่งในประเทศไทยแล้ว

คุม’โกโต้ง’พร้อมพวกฝากขัง

วันเดียวกัน เวลา14.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัว4 ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ได้แก่ นายปัจจุบัน, นางทัศนีย์ สุวรรณรัตน์ ภรรยา, นายอนุสรณ์ สุขเกษม หรือโกเล้ง และ พ.ต.ท.ชาญ อู่ทอง สารวัตรธุรการ สภ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ออกจาก สภ.หาดใหญ่ ไปขออำนาจศาลจังหวัดนาทวีฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา12 วันหลังจากที่พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเสร็จแล้ว แต่ทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ทั้งนี้ นายปัจจุบัน ถูกแจ้งหาดำเนินคดี 9 คดี ทั้งค้ามนุษย์และการบุกรุกที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ เขตอุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา และในระหว่างการคุมตัวไปฝากขัง นายปัจจุบัน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ตนขอปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และพร้อมที่จะสู้คดีทุกคดี เนื่องจากไม่ได้กระทำความผิดและยังเป็นผู้บริสุทธิ์ พร้อมกับชูนิ้วสัญลักษณ์ไอเลิฟยูหยอกล้อกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดีอีกด้วย

ญาติเมียโกโต้งขอความเป็นธรรม

ขณะเดียวกัน ได้มีญาติของ นางทัศนีย์ พร้อมทนายความได้เดินทางมายัง สภ.หาดใหญ่ เพื่อยื่นเรื่องจากศาลขอตัวไปฉีดคีโมที่ รพ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งเต้านมและแพทย์ได้นัดหมายในวันที่ 21 พฤษภาคม หลังจากที่ได้ผ่าตัดมาแล้ว และญาติยังได้เรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยระบุว่า นางทัศนีย์ไม่เคยมีความสัมพันธ์หรือรู้จักกับโกโต้ง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ แต่ยอมรับว่าพี่สาวของนางทัศนีย์ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้วเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าแรงงานพม่า และได้ยืมรถกระบะซึ่งเป็นชื่อของนางทัศนีย์ ไปใช้ ทราบภายหลังว่าถูกนำไปขนชาวโรฮีนจาและประสบอุบัติเหตุที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช

มาเลย์-อินโดยอมให้ขึ้นฝั่ง

วันเดียวกัน เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทส์ไทมส์ของสิงคโปร์รายงานว่า นายอานิฟาห์ อามาน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียแถลงหลังจากหารือนาน 4 ชม. กับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รัฐมนตรีต่างประเทศไทย และ นางเรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ที่กรุงปุตราจายาว่า มาเลเซียและอินโดนีเซียตกลงจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้อพยพ 7,000 คนที่ยังคงลอยเรืออยู่กลางทะเล และตกลงจะให้ที่พักชั่วคราวในระหว่างที่รอประชาคมโลกดำเนินกระบวนการจัดหาที่พักและส่งกลับบุคคลเหล่านี้ภายใน 1 ปี แต่ยังไม่มีการตกลงกันเรื่องสถานที่ที่จะเป็นที่พักชั่วคราว ทั้งนี้ ได้ขอให้ประชาคมโลกช่วยให้การสนับสนุนที่จำเป็น โดยเฉพาะความช่วยเหลือทางการเงินในการจัดสรรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้อพยพในขณะนี้

เมียนมาพร้อมช่วยโรฮีนจา

ขณะที่กระทรวงต่างประเทศของเมียนมาออกแถลงการณ์ว่า รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องปัญหาผู้อพยพทางเรือ เช่นเดียวกับประชาคมโลก และพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ต้องทนทุกข์อยู่ในทะเล หลังจากที่สหประชาชาติ(ยูเอ็น)เตือนว่า มีผู้อพยพหลายพันคน รวมทั้งชนกลุ่มน้อยไร้รัฐอย่างชาวโรฮีนจาตกค้างอยู่ในเรือที่ลอยลำนอกชายฝั่งเมียนมา

บิ๊กตู่ย้ำรอผลถก15ชาติ29พค.

ส่วนท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้ให้สัมภาษณ์กรณีทางการมาเลเซียและอินโดนีเซีย เตรียมเสนอจะให้ที่พักพิงชั่วคราวแก่ชาวโรฮีนจา ว่า เรายืนยันเหมือนเดิมว่าเราเป็นประเทศกลางทาง วันนี้เป็นการประชุมกระทรวงการต่างประเทศแค่ในระดับ 3 ประเทศ ซึ่งที่จริงแล้วประเทศเรามีปัญหามากกว่าของเขา แต่เราก็เห็นด้วยเรื่องนโยบายต่างๆ แต่ปัญหาอยู่ที่จะรับที่ไหน ค่อยว่ากันอีกครั้งในการประชุมวันที่ 29 พฤษภาคม ตอนนี้เหมือนกับว่า แต่ละประเทศจะแบ่งกันรับ และถามผู้สื่อข่าวว่า “ท่านรับได้ไหมล่ะ ตอบมาซิคุณรับได้ไหม”

เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่า ก็ดีที่แต่ละประเทศช่วยๆ กันแบกรับปัญหา โดยที่ไทยไม่ต้องแบกรับปัญหาฝ่ายเดียว ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “เขามี 9,000 คน แบ่งประเทศละ 3,000 คน รับหรือไม่ ให้ไปคิดใหม่” ซึ่งผู้สื่อข่าวตอบกลับไปว่า ไม่รับ นายกจึงหันมากล่าวว่า “รับไม่รับ ไม่รู้ กำลังไปพูดคุยอยู่ แต่อย่าไปทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างไทยกับทุกประเทศ”

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์