สองสาวพี่น้องตกใจสุดขีดร้องลั่น!! ขับเก๋งกลางฝน-ฟ้าผ่ารถ กระจกแตกเกลื่อน

สองสาวพี่น้องตกใจสุดขีดร้องลั่น!! ขับเก๋งกลางฝน-ฟ้าผ่ารถ กระจกแตกเกลื่อน

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 เม.ย. เกิดเหตุพายุถล่มที่ จ.อ่างทอง โดยพายุที่เกิดขึ้นทั้งฝนฟ้าคะนองและลมแรง ทำให้ข้าวของปลิวกระจัดกระจาย ต้นไม้โอนเอนไปตามทิศทางของลม ส่งผลให้ไฟฟ้าในตัวเมืองอ่างทองหลายจุดดับไปชั่วขณะ ใช้เวลาเกือบชั่วโมง พายุถึงจะสงบ

หลังจากพายุสงบ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีเหตุประชาชนที่ขับรถอยู่บนถนนถูกฟ้าผ่า

โดยขับรถไปหลบอยู่ภายในเรือนจำจังหวัดอ่างทอง หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงบริเวณทางเข้าเรือนจำ พบรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน สห-2774 กรุงเทพฯ จอดอยู่ในสภาพบริเวณกระจกด้านหน้ารถมีรอยร้าวทั่วทั้งแผ่น ส่วนกระจกประตูข้าง ด้านหลัง แตกเป็นรูกว้าง เศษกระจกกระเด็นเต็มตัวรถ

จากการสอบถามน.ส.รวมพร เกศรีระคุปต์ อายุ 35 ปี อยู่ ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง คนขับรถ กล่าวว่า

ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนและน้องสาว กำลังขับรถกลับบ้านที่ อ.วิเศษชัยชาญ เมื่อขับมาถึงบริเวณสี่แยกสัญญาณไฟเรือนจำ ซึ่งฝนกำลังตกหนักมาก มีทั้งลมและฝน จู่ๆ ขณะที่ตนเลี้ยวโค้ง ฟ้าได้ผ่าลงมาที่รถ เสียงดังบึ้ม ตนและน้องสาวตกใจมาก รีบขับรถหนีออกมาจากบริเวณดังกล่าว และเข้ามาขอหลบในเรือนจำ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ เมื่อจอดรถลงมาดู ก็พบว่ากระจกด้านหน้ารถของตนร้าวทั้งแผ่น กระจกประตูด้านหลัง แตกเป็นรูกว้าง เศษกระจกกระเด็นเกลื่อนรถ

ด้านนางศรัญญา โพธิ์เจริญ อายุ 29 ปี อยู่ ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง น้องสาวของ น.ส.รวมพร

 ซึ่งนั่งมาข้างคนขับ กล่าวว่า ขณะที่ตนนั่งรถมา ลมฝนกระหน่ำตกลงมาไม่ลืมหูลืมตา จนกระทั่งมาถึงแยกไฟแดง ขณะที่เลี้ยวรถก็ได้ยินเสียงฟ้าผ้าดังมาก ตนตกใจร้องกรี๊ดออกมาเสียงดัง จึงได้หารือกับน.ส.รวมพรว่าให้หาที่หลบ จึงตัดสินใจมาขอความช่วยเหลือภายในเรือนจำจังหวัด

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณด้านหลังเรือนจำจังหวัดอ่างทอง

หลังรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เรือนจำว่า เสาเหล็กยึดตาข่ายกำแพงเรือนจำถูกพายุพัดจนหักเสียหายหลายต้น ซึ่งหลังจากไปตรวจสอบพบว่าเสาเหล็กดังกล่าวถูกพายุพัดเสียหายไปจำนวน 10 ต้น ส่งผลให้ตาข่ายที่ทางเรือนจำติดตั้งไว้ เพื่อกันคนขว้างปาสิ่งของเข้าภายในเรือนจำหักและห้อยตามเสาลงมา เจ้าหน้าที่เรือนจำต้องรีบออกมาสำรวจและหาทางแก้ไขเป็นการด่วน นอกจากเสายึดตาข่ายกำแพงจะเสียหายแล้ว พายุยังได้พัดต้นหูกวางขนาดใหญ่ จนกิ่งหักเกือบทับบ้านเจ้าหน้าที่เรือนจำอีกด้วย

นอกจากนั้นบริเวณสี่แยกสัญญาณไฟเรือนจำจังหวัด หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้เกิดระเบิด เนื่องจากพายุได้พัดเอาป้ายคัตเอาท์ขนาดใหญ่ จำนวน 3 ป้าย

หักโค่น ตัวป้ายและเสายึดป้ายที่ทำด้วยปูนและป้ายที่มีขนาดใหญ่ได้หักไปทับสายไฟแรงสูง ส่งผลให้เสาไฟฟ้าแรงสูงหักเสียหาย จำนวน 3 ต้น เสาสายเคเบิ้ลอีกหลายต้น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ ต้องออกตรวจสอบและแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยจากการสอบถามนายปัญญา นพศรี อายุ 58 ปี ผู้ช่วยผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดอ่างทอง ทราบว่าหลังจากที่พายุได้พัดถล่มอ่างทอง ทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ ก็ได้คอยเตรียมพร้อมรับกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นหลังพายุสงบ ซึ่งหลังจากพายุสงบได้รับแจ้งหม้อแปลงระเบิด เสาไฟฟ้าหัก จึงได้ออกตรวจสอบและเร่งดำเนินการโดยด่วนแล้ว ซึ่งเบื้องต้นในส่วนของการไฟฟ้าฯ ตอนนี้ความเสียหาย จุดนี้จุดเดียว มูลค่านับแสนบาท

ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่าที่พื้นที่หมู่ที่ 3 ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง

 พายุได้พัดกระหน่ำ จนทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายจำนวนหลายสิบหลัง หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบว่าบ้านหลายหลังถูกพายุพัดหลังคาปลิวหาย โดยเฉพาะที่บ้านหมู่ 3 ต.ศาลาแดง ซึ่งเป็นบ้านของนายชื้น พุ่มแก้ว อายุ 68 ปี พายุได้พัดหลังคาบ้านปลิวหายไปทั้งแถบ และที่ระทึกมาก เมื่อพบว่าที่บ้านของนายชื้น มีภรรยา คือ นางจ่อย  พุ่มแก้ว อายุ 83 ปี ที่นอนป่วยเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตอยู่บนบ้าน ไม่สามารถขยับไปไหนได้ หลังจากพายุพัดหลังคาปลิวหาย ฝนได้กระหน่ำลงมาในตัวบ้าน ทำให้นายชื้นต้องตัดสินใจลากนางจ่อย มาหาที่หลบโดยต้องใช้ผ้า ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่ม หรือผ้าเช็ดตัว มาคลุมตัวของนางจ่อยเอาไว้ เป็นที่น่าเวทนามาก

ส่วนที่บริเวณหมู่ที่ 7 ต.เทวราช อ.ไชโย จ.อ่างทอง พายุฝนก็ได้ทำให้บ้านเรือนประชาชนพังเสียหายจำนวนหลายหลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งเข้าตรวจสอบให้การช่วยเหลือเป็นการด่วนแล้ว

สำหรับพายุฤดูร้อนครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 3 แล้วในรอบ 1 เดือน ซึ่งทุกครั้งก็สร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก