ช็อกหนักมาก! รองผอ.แชทไลน์นร. สั่งเสียลูกเมียอยากฆ่าตัวตาย!

ช็อกหนักมาก! รองผอ.แชทไลน์นร. สั่งเสียลูกเมียอยากฆ่าตัวตาย!

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ผู้สื่อข่าว จ.อุตรดิตถ์ รายงานว่า หลังจากที่นายมนต์ชัย ปาณธูป ผอ.โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี (อณ.) ออกมายอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในโรงเรียนจริง และรอง ผอ.ที่ก่อเรื่องก็มีอยู่จริง พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริง แต่ปรากฏว่า รอง ผอ.อณ.ไม่มาตามที่คณะกรรมการสืบสวนได้นัดหมายเพื่อให้ปากคำข้อเท็จจริงทั้งหมดกับคณะกรรมการ ทำให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต่างรอเก้อและผิดหวัง เนื่องจากทาง สพม.เขต 39 และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เร่งรัดให้ดำเนินการสืบสวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะในโลกออน์ไลน์ต่างเฝ้าติดตามว่า ผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น

นายมนต์ชัย กล่าวว่า ติดต่อภรรยาของ รอง ผอ.ไปช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เพื่อให้มาให้ปากคำกับคณะกรรมการ แต่รอง ผอ.รายนี้กลับไม่มาตามนัดไว้ ซึ่งภรรยาของ รอง ผอ.แจ้งว่า ขณะนี้สภาพจิตใจทั้งรอง ผอ.และครอบครัวกำลังย่ำแย่มาก ยังอยู่ในอาการช็อกไม่หาย และที่น่าตกใจ ภรรยาแจ้งกลับมาว่า รอง ผอ.ได้บอกลาลูกและภรรยาว่า คงอยู่กันได้ ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว จะไปฆ่าตัวตาย เพราะไม่อยากอยู่ในสังคมอีกต่อไป และตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ไม่สามารถติดต่อกับ รอง ผอ.รายนี้ได้เลย ติดต่อได้เพียงภรรยาเท่านั้น โทรศัพท์มีถือก็ไม่ยอมเปิด 

กระทั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ตนได้ส่งครูในโรงเรียนไปคุยกับ รอง ผอ.เพื่อให้คลายจากอาการเครียด พร้อมแนะนำให้ไปทำบุญ ทำสังฆทาน ก็เริ่มพูดคุยออกมาบ้างแต่สภาพจิตใจก็ยังไม่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่มาให้ปากคำกับคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ก็คงต้องให้คณะกรรมการสืบสวนไปสอบปากคำถึงที่บ้าน เพราะทางเลขาธิการ สพฐ.ได้เร่งรัดมา และเป็นห่วงเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ อีกทั้งได้กำหนดระยะเวลาทำเรื่องนี้ให้เสร็จภายใน 7 วัน เนื่องจากกระแสสังคมจับตามองว่า อณ.จะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น 

“รอง ผอ.รายนี้จะไม่มาหรือปฏิเสธที่จะไม่ให้ข้อมูลกับคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะระเบียบราชการมีอยู่ว่า ข้าราชการเมื่อก่อเรื่องก็ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ส่วนฝ่ายเด็กนักเรียนสาวทราบว่าจบไปแล้ว แต่ไปอยู่กับครอบครัวต่างจังหวัดแล้วด้วย เด็กและผู้ปกครองเองก็คงไม่อยากเอาเรื่องเอาราวอะไร รวมทั้งไม่มีการร้องเรียนเพื่อจะเอาผิดกับ รอง ผอ.รายนี้ แต่เมื่อเด็กและผู้ปกครองไม่เอาเรื่อง วิถีทางราชการก็ต้องดำเนินการต่อไป เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีพฤติกรรมแบบนี้ก็ไม่เหามะสมอย่างยิ่ง ความผิดทางราชการถือว่า ไม่รักเกียรติศักดิ์ความเป็นข้าราชการ หรือประพฤติชั่ว” นายมนต์ชัย กล่าว

ด้านนายกิตติพงศ์ พิพัฒน์ศิวพงศ์ ผอ.สพม.เขต 39 กล่าวว่า สั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงไปแล้ว ตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการ เมื่อ รอง ผอ.รายนี้ไม่มาให้ปากคำกับคณะกรรมการสืบสวน คณะกรรมการจะต้องไปสอบปากคำถึงที่บ้าน ให้เวลาทำเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน ส่วนการให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้นขั้นตอนนี้ยังมาไม่ถึง ต้องรอผลสอบสวนจากโรงเรียนก่อน หากคณะกรรมการสรุปว่า มีมูลก็จะต้องกรรมการสอบสวนวินัย ซึ่งมี 2 กรณีคือ หากร้ายแรงโทษคือต้องไล่ออกหรือปลดออกเท่านั้น หากไม่ร้ายแรงโทษก็เบาหน่อยคือการลดขั้นเงินเดือน

“ไม่เชื่อว่าทางโรงเรียนจะช่วยเหลือ รอง ผอ.รายนี้ให้พ้นผิดถ้าทำผิดจริง เพราะเรื่องนี้กำลังถูกสังคมจับจ้องมองอยู่ว่า โรงเรียน สพม.39 หรือ สพฐ.จะดำเนินการอย่างไรกับรอง ผอ.รายนี้ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงอาจจะต้องขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อทำการสอบสวนโทรศัพท์มือถือของ รอง ผอ.รายนี้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะมีความชำนาญและเชี่ยวชาญด้านนี้มากกว่าครูในโรงเรียน” นายกิตติพงศ์ กล่าว

พ.ต.อ.ดิษยเดช พัทรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ รับแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ รอง ผอ.รายนี้มาแจ้งไว้เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่ดำเนินการใดๆได้ เนื่องจากแจ้งไว้เป็นหลักฐานไม่ได้แจ้งเพื่อให้ดำเนินคดีอะไรกับผู้ใด อย่างไรก็ตาม หากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่โรงเรียนตั้งขึ้นขอความร่วมมือมาเพื่อให้ตรวจด้วยก็พร้อม เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะทำได้ดี เนื่องจากมีความชำนาญอยู่แล้ว และเรื่องนี้ก็ตรวจสอบไม่ยากอะไรเลย

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์