ผอ.สปพ.เขต3โต้เด็ก ป.2ฉี่ม่วงเพราะกินยาระงับประสาท

ผอ.สปพ.เขต3โต้เด็ก ป.2ฉี่ม่วงเพราะกินยาระงับประสาท

"ผอ.สปพ.เขต3" อ้างเด็ก ป.2 เสพยาระงับประสาทของผู้ปกครอง ที่พี่ชายม.1 นำมาแจกในโรงเรียน เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นวิตามิน กำชับทุกร.ร.ในสังกัดวางมาตรการเข้มป้องกันการแพร่ระบาดยาเสพติด

กรณีชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช (ศอ.ปส.) จ.นครศรีธรรมราช ร่วมกับนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา (พสน.สพป.) นครศรีธรรมราช เขต 3 ลงพื้นที่กวาดล้างการแพร่ระบาดของยาเสพติดในสถานศึกษา ด้วยการสุ่มตรวจปัสสาวะนักเรียนกลุ่มเสี่ยงในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โดยสุ่มตรวจปัสสาวะนักเรียนกลุ่มเสี่ยง 47 คน พบสารเสพติดในกระแสเลือด 9 คน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้น มีนักเรียนผู้ชายชั้น ป. 2 อายุ 8 ขวบ รวมอยู่ด้วย โดยเด็กคนดังกล่าว อ้างว่าถูกพี่ชายอายุ 13 ปี ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม. 1 ชักชวนให้เสพ และจากการตรวจสอบพบว่า พี่ชายของเด็กคนดังกล่าวมักนำยาเสพติด โดยเฉพาะยาอัลปราโซแลม มาขายให้เด็ก ๆ ในโรงเรียน และไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะ และวิ่งหลบหนีไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 26 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายประจักษ์ ช่างเรือ ผอ.สปพ.นครศรีธรรมราช เขต 3 ว่า

หลังมีข่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้เกิดความเสื่อมเสียในภาพรวม ทั้งโรงเรียน, สปพ.เขต 3 และจังหวัด เป็นอย่างมาก ตนยอมรับว่าผลการตรวจปัสสาวะเด็ก 9 คน เป็นสีม่วงจริง และพี่ชายวัย 13 ปีเป็นผู้นำยามาให้น้องชาย 8 ขวบ และเพื่อน ๆ ในโรงเรียนกินจริง จึงได้ประสานกับตำรวจ สภ.เชียรใหญ่ ให้เข้าไปตรวจสอบที่บ้านของเด็ก โดยผู้ปกครองของเด็กอ้างว่า ยาที่เด็กวัย 13 นำไปจากบ้านและให้น้องชาย รวมทั้งเพื่อน ๆ กินนั้น ไม่ใช่ยาเสพติด แต่เป็นยาระงับประสาทชนิดหนึ่ง ที่โรงพยาบาลจ่ายให้ผู้ปกครองรักษาอาการเครียด ไม่ใช่ยาอัลปราโซแลม หรือยาเสพติดอื่น ๆ ตามที่เป็นข่าว

“ผมไม่ใช่จะบ่ายเบี่ยงหรือปัดความ จริง แต่เชื่อว่าตำรวจจะเดินทางไปตรวจสอบครอบครัวเด็ก เมื่อตำรวจยืนยันอย่างนั้น ก็ต้องยืนยันตามนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่ายาระงับประสาทของผู้ปกครองคือวิตามิน จึงนำมาให้น้องและเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนรับประทาน ซึ่งตามปกติทุกโรงเรียนจะมีมาตรการในการป้องกันปัญหายาเสพติดอย่างเข้มงวด กวดขันอยู่แล้ว เพราะครูทุกคนจะมีความใกล้ชิดกับเด็ก และผู้ปกครองเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผมได้สั่งกำชับไปยังผู้บริหารสถานศึกษา ครูอาจารย์ในสังกัด สปพ.นครศรีธรรมราช เขต 3 ทุกแห่ง ให้เข้มงวดกวดขันในการป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดทุกชนิดในสถาน ศึกษา โดยต้องติดตามดูแลและช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิด”นายประจักษ์ กล่าว

ผอ.สปพ.นครศรีธรรมราช เขต 3 กล่าวอีกว่า

นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ทุกโรงเรียนเร่งประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้เรื่องพิษภัยของยาเสพติด โดยกำชับให้เด็กนักเรียนทุกคนระมัดระวัง หากพบยาหรือมีคนนำยาที่ไม่รู้จักมาให้รับประทานอย่ารับประทาน และขอให้นำมาให้ครูตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อน เพื่อป้องกันการรู้เท่าไม่ถึงการณ์จนเกิดเป็นเรื่องใหญ่โตซ้ำขึ้นมาอีกก็ ได้.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : อนาคตเด็กไทย ป.2 ติดยา-พี่ชาย ม.1 เป็นเอเย่นต์




เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์