แม่เฒ่าวัย 75 ปี ฐานะยากจน วอนช่วยลูกชายถูกจับคดีซีดีเถื่อน

แม่เฒ่าวัย 75 ปี ฐานะยากจน วอนช่วยลูกชายถูกจับคดีซีดีเถื่อน


เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 27 ม.ค.58 ผู้สื่อข่าวเดินทางไป บ้านเลขที่ 70 /2 หมู่ 6 ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ สอบถามข้อเท็จจริง จากนางนิภา ตรีสุวรรณ หรือยายนิภา อายุ 75 ปี กรณี นายนายปิยะพงษ์ เทพธีระเทียนชัย อายุ 44 ปี ถูกคนรู้จักหลอกให้เซ็นชื่อรับสารภาพข้อกล่าวหาจำหน่ายซีดีเถื่อน เมื่อปี 2556 ก่อนศาลจะสั่งปรับเงินจำนวน 1.4 แสนบาท 

ยายนิภา เล่าทั้งน้ำตา ให้ฟังว่า ภายหลังจากสามีเสียชีวิต ตนลูกชาย และหลานสาว ได้มาขออาศัยอยู่กับนางละเมียด ซึ่งเป็นเพื่อนกันในสมัยก่อน ในห้องเช่า ย่านสมุทรปราการ และหาเลี้ยงชีพโดยการออกไปรับจ้างนวดแผนโบราญ ตามชุมชนซึ่งได้ค่าเหนื่อยวัยละ 100-200 บาท แต่ปัจจุบันสุขภาพของตนเริ่มแย่เนื่องจากความชรา จึงไม่สามารถเดินทางไปหาลูกค้าไกลที่พักได้ ส่วนลูกค้าประจำก็ที่เคยจ้างก็ลดหายไปเนื่องจากไม่อยากจ้างตน เพระสงสารที่ต้องเดินทางออกมาจากบ้าน แต่ก็ยังมีนายปิยะพงษ์ ลูกชายซึ่งเป็นเสาหลักคอยหาเงินมามาจุนเจือเพื่อดำรงชีวิตให้อยู่รอดในแต่ละวัน

ต่อมาเมื่อปี 56 ลูกชายของตนได้ไปรับจ้างดูแลที่จอดรถแถวริมคลองหลอด โดยมีน.ส.องุ่น ที่ทางลูกชายนับถือเป็นน้าเปิดร้านขายแผ่นซีดีอยู่ใกล้กัน ขณะนั้นระหว่างทางเจ้าหน้าที่ออกกวาดล้างจับร้านจำหน่ายซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ ย่านตลาดคลองหลอด ทำให้ ร้านจำหน่ายซีดี ของ น.ส.องุ่น ถูกจับกุม ด้วย       

จากนั้น ทางน.ส.องุ่นจึงได้ให้นายปิยะพงษ์ ลูกชายของตนมาเซ็นรับเป็นผู้ต้องหาแทน โดยน.ส.องุ่นรับปากว่าจะรีบหาเงินมาประกันและจ่ายค่าปรับให้ลูกชาย เพราะหากว่าน.ส.องุ่น รับเป็นผู้ต้องหาเองแล้วจะไม่มีคนไปวิ่งเต้นหาเงินมาประกันและจ่ายค่าปรับ ลูกชายจึงได้เซ็นรับเป็นผู้ต้องหาแทน เพราะเกรงใจน.ส.องุ่นที่ลูกชายนับถือ ยายนิภาเล่าต่อไปว่าหลังจากที่ลูกชายเซ็นรับเป็นผู้ต้องหาแล้ว เมื่อถึงเวลาขึ้นศาลทางน.ส.องุ่นกลับไม่ไปประกันตัวตามที่สัญญาไว้ ทำให้ลูกชายโดนศาลตัดสินจำคุก 1 ปี 4 เดือน ตั้งแต่วันนั้นมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ที่ทางตนเฝ้ารอลูกชายพ้นโทษออกมาช่วยดูแลตน เพราะตนเองไม่มีรายได้ที่แน่นอน และเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับรายจ่าย จำเป็นต้องไปกูเงินนอกระบบที่ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20 ต่อ 10 วัน เพื่อนำเงินมายังชีพและให้หลานสาวไปเรียน ในบางวันที่ไม่มีเงินส่งคืน ก็จะใช้วิธีหากู้เงินนอกระบบเจ้าใหม่ มาใช้หนี้เจ้าหนี้รายเดิม ทำแบบนี้ซ้ำๆจนเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบมากกว่า 6 ราย มีดอกเบี้ยที่เป็นหนี้สะสมนับหมื่นบาท จะมีนานๆครั้งที่หลานสาว ได้เงินจากไปทำงานหลักเลิกเรียน หยิบยื่นให้บ้างครั้งละ 2-3 พันบาท และเบี้ยยังชีพคนชราอีกเดือนละ 700  บาทและรับจ้างนวดจับเส้นครั้งละ 100-200 บาท

ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ม.ค.58 ทางน.ส.องุ่นได้มาบอกกับทางตนว่า ทางศาลอาญา รัชดา ให้ ติดต่อญาติของนายปิยะพงษ์ ไปเสียค่าปรับอีก 1.4 แสนบาท ให้กับทางผู้ต้องหา มิฉะนั้นผู้ต้องหาต้องจำคุกแทนค่าปรับอีกกว่า 1 ปี เมื่อตนทราบข่าวจึงได้ไปเยี่ยมลูกชายที่เรือนจำพิเศษ กรุงเทพ และขอความช่วยเหลือจากน.ส.องุ่น ตามที่เคยรับปากว่าจะช่วย แต่กลับถูกปฏิเสธว่าไม่ สามรถช่วยได้ เพราะเป็นเงินที่มากเกินกำลัง ทำให้ตนหมดหวังลงในทันที ที่จะรอวันที่ลูกชาย พ้นโทษออกมาช่วยเหลือและดูแลตน และหลานสาว ที่นับวันดอกเบี้ยท่วมท้นจนไม่สามารถจะ หมุนทางไหนได้อีกแล้ว จึงได้มาวิงวอนผู้ที่เกี่ยวข้องทบทวน ตรวจสอบคดีของลูกชายของตน และให้ความยุติธรรมกับลูกชายของตนด้วย 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์